“บัวหลวง” ชู 3 หุ้นค้าปลีก ราคาต่ำบุ๊ก-ธุรกิจโตแกร่ง ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ ถึง กลุ่มธุรกิจค้าปลีก โดยพบว่าความวิตกของนักลงทุนเพิ่มขึ้นและมีการปรับลดประมาณการกำไรท่ามกลางสัญญาณทาง เศรษฐกิจมหภาค ที่เริ่มแสดงสัญญาณอันตรายและมีความเป็นไปได้ว่าไทยอาจเข้าสู่การลดลงอย่างรุนแรงในพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค (Consumption Shock) ครั้งที่ 6 ในรอบ 20 ปี คำถาม คือ ระยะเวลาของช่วงปรับลดประมาณการนี้จะยาวนานแค่ไหน และผลกระทบรวมถึงโอกาสจะอยู่ที่ใด

ทั้งนี้ จากการปรับลดประมาณการกำไรของ กลุ่มค้าปลีก เริ่มต้นต้นขึ้นแล้วโดยอาจยาวนาน 3-12 เดือน แม้ว่าจะมีการปรับลดไปบ้างแล้ว แต่ประมาณการตลาดยังสูงกว่าประมาณการ ซึ่งกรณีที่เลวร้ายที่สุด (base-case) ของฝ่ายนักวิเคราะห์อยู่ที่ 5%

ส่วนกรณี Base-case หากภาวะฟื้นตัวช้าการเติบโตของ GDP ที่ชะลอตัว 1.4% และนักท่องเที่ยวลดลง 37 ล้านราย พร้อมทั้งการนำเข้าสินค้าราคาถูกที่ล้นหลามกดดันการบริโภค ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์การเติบโตของกำไรโดยรวมของกลุ่มค้าปลีกที่ฝ่ายนักวิเคราะห์ให้คำแนะนำในปี 2568 อยู่ที่ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

รวมไปถึงกรณีหากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สงครามการค้าทวีความรุนแรงและผู้บริโภคหยุดใช้จ่ายกำไรกลุ่มค้าปลีกอาจต่ำกว่าประมาณการกรณีฐานอีก 5%

สำหรับกรณีที่ดีที่สุด (Bull-case) หากความตึงเครียดทางการค้าผ่อนคลายในครึ่งหลังของปี 2568 การบริโภคอาจฟื้นตัวเร็วขึ้นกำไรของกลุ่มค้าปลีกอาจสูงกว่ากรณีฐาน 4%

ขณะที่ กลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงน้ำหนักการลงทุน “เท่ากับตลาด” ต่อกลุ่มค้าปลีก โดยชื่นชอบกลุ่มค้าปลีกสินค้าจำเป็น (Grocery) มากที่สุดนำโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL และ บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT อิงจากกำไรที่แข็งแกร่งและประโยชน์จากการทำงานร่วมกันในกลุ่ม และมูลค่าหุ้นที่น่าสนใจทั้งสองตัวมีราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาตามกรณีที่เลวร้ายที่สุด worst case จึงมีความคุ้มค่าในการลงทุน

นอกจากนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำถือ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เนื่องจากกำลังการผลิตที่ยังใช้ไม่เต็มที่และอัตรากำไรที่ลดลง อย่างไรก็ตามดาวน์ไซด์มีจำกัดอยู่ที่เพียง 4% ต่ำกว่ากว่ากำไรตามกรณี bear-case ซึ่งถือว่าน้อยกว่าคู่แข่งบางราย