TTB ทยอยซื้อรับปันผล (สูง)

ธนาคารทหารไทยธนชาต หรือ TTB เพิ่มจะขึ้น XD เมื่อวันที่ 25 เม.ย.68 เพื่อจ่ายเงินปันผล (งวดครึ่งปีหลัง 67) อีกประมาณ 0.067 สตางค์ต่อหุ้น


ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เพิ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD เมื่อวันศุกร์ที่ 25 เม.ย. 2568 เพื่อจ่ายเงินปันผล (งวดครึ่งปีหลัง 2567) อีกประมาณ 0.067 สตางค์ต่อหุ้น

เปิดตลาดมาในช่วงเช้าของวันขึ้น XD

TTB ราคาหุ้นลงมาลึกที่ 1.74 บาท ลดลง 0.07 บาท ลงมาต่ำกว่าเงินปันผล

ทว่า ในช่วงภาคบ่าย มีการเข้ามาไล่ราคาหุ้นกลับ และขยับขึ้นมาปิดตลาด 1.77 บาท วูบเพียง 0.04 บาท จากราคาปิดของวันก่อนหน้า (1.81 บาท)

ส่วนวานนี้ ราคาหุ้น TTB เคลื่อนไหวในแดนบวก แต่ยังคงไม่ผ่าน 1.80 บาท แนวต้านจิตวิทยา

และมีแนวต้านทางเทคนิคระหว่าง 1.81-1.82 บาท

หากมองดูราคาหุ้นวันก่อนขึ้น XD และหลังขึ้น XD

หากใครที่ซื้อหุ้นวันก่อนขึ้น XD ที่บริเวณ ราคา 1.80-1.81 บาท และเมื่อวันศุกร์ไม่ได้ขายออก

ดีดลูกคิดคำนวณดูแล้ว มีกำไรแน่นอนอย่างน้อย 0.05 บาท +/- เล็กน้อย

แต่หากย้อนกลับไปดูราคาหุ้น TTB ช่วงต้นเดินเม.ย. 2568 ที่ราคาเคลื่อนไหวระหว่าง 1.95-2.00 บาท แล้วนักลงทุนที่เข้าไปซื้อหุ้นมาช่วงนั้น และยังไม่ปรับพอร์ตขายออกไป

น่าจะขาดทุนกันอยู่พอควรล่ะ ราว ๆ 0.15-0.20 บาท

กราฟทางเทคนิค ในระยะสั้น ราคาหุ้น TTB ยังไม่น่าจะดีดกลับไปที่ระดับราคาด้านบน (1.95-2.00 บาท) ได้

และหากย้อนกลับมาดูพื้นฐาน ดูแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2568 เหมือนมุมมองของนักวิเคราะห์จาก โบรกเกอร์ต่าง ๆ จะแตกต่างกันไป

มี 19 โบรกเกอร์ที่วิเคราะห์หุ้น TTB หลังแจ้งงบงวดไตรมาส 1/2568

แนะนำ “ซื้อ” จำนวน 8 โบรกเกอร์

แนะนำ “ถือ” จำนวน 10 โบรกเกอร์

แนะน “ขาย” จำนวน 1 โบรกเกอร์

ราคาเป้าหมายสูงสุด 2.33 บาท, ต่ำสุด 1.80 บาท และมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.06 บาท

หากดูจากตัวเลขราคาเป้าหมายที่เป็นค่าเฉลี่ย ถือว่าลดลงมา 0.09 บาท หรือเปลี่ยนแปลง -4.40%

หุ้นมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยปรับลงมาจากครั้งก่อนหน้า โอกาสที่ราคาหุ้นจะพลิกกลับไปยืน หรือเคลื่อนไหวบริเวณเดิม(กรณี TTB ที่ 1.90-2.00 บาท) ค่อนข้างจะยากพอสมควร

ลำพังแนวต้านแรก 1.81-1.82 บาท ยังต้องลุ้นเหนื่อย

สมมุติว่า หากผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นมาได้ ยังมีแนวต้านถัดไปที่บริเวณ 1.86 บาท อีก

ผลประกอบการของ TTB งวดไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ถือว่าต่ำกว่าคาดการณ์

TTB มีกำไรสุทธิ 5.1 พันล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5.2%

ตัวเลขสำคัญทางการเงิน เช่น สินเชื่อหดตัว (เช่นเดียวกับเกือบทุกธนาคารฯ) หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เพิ่มขึ้น จาก 2.59% เมื่อไตรมาส 4/2567 ขึ้นมาเป็น 2.75%

ส่วนการตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น

หลัง TTB แจ้งงบฯ ล่าสุด และมีการประชุมกับนักวิเคราะห์

ทำให้นักวิเคราะห์ต่างปรับมุมมอง “เชิงลบ” กับ TTB พร้อมกับปรับคาดการณ์กำไรปี 2568 ลงมา รวมถึงราคาเป้าหมาย

แต่ด้วย “จุดแข็ง” ของ TTB เกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ Dividend yield เฉลี่ยต่อปีสูงถึง 7.20-7.50% ต่อปี ทำให้คำแนะนำของโบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะนำ “ถือ” มากกว่าซื้อและขาย

TTB ยังพอมีอีกปัจจัยหนุนด้วยการอยู่ระหว่างการ “ซื้อหุ้นคืน”

TTB ประกาศซื้อหุ้นคืนวงเงิน 21,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 ปี กำหนดซื้อหุ้นคืนรอบแรกด้วยวงเงิน 7,000 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. 2568 ถึงวันที่ 1 ส.ค. 2568

มีการคำนวณว่า หาก TTB จ่ายปันผลเป็นเงินสดที่ 0.13 บาทต่อหุ้น (ปี 2567 จ่ายรวม 0.132 บาทต่อหุ้น ) และซื้อหุ้นคืน 7 พันล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2568-2570

TTB จะให้ผลตอบแทนจากทุนรวมราว ๆ 11% ของมูลค่าตลาดใน 3 ปีข้างหน้า

ปกติ TTB จะจ่ายปันผลค่อนข้างดีอยู่แล้ว (หลังควบรวบกับธนาคารธนชาต)

แต่เมื่อบวกกับ TTB ทำโครงการซื้อหุ้นคืน ทำให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ เช่น กำไรต่อหุ้น (EPS), ผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ (ROA) และผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)

ทำให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสได้รับ “เงินปันผลต่อหุ้น” มากขึ้น

ช่วงราคาหุ้น TTB เคลื่อนไหวในกรอบล่าง

อาจเป็นจังหวะ “ทยอยซื้อ” เพื่อรับปันผล Dividend yield สูง

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button