
SCGP รายได้ขาย-Fx หด กดกำไร Q1 วูบ 48% เหลือ 900 ล้านบาท
SCGP รายงานกำไรไตรมาส 1/68 ลดลง 47% เหลือ 900 ล้านบาท หลังรายได้รายจากกลุ่มธุรกิจธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และอัตราแลกเปลี่ยนลดลง รวมถึง EBITDA ปรับตัวลงลด
บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 พบว่ากำไรสุทธิลดลง ดังนี้
บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 899.87 ล้านบาท ลดลง 47.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 1,724.65 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 32,209 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากราคาขายของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรและธุรกิจเยื่อและกระดาษลดลง ประกอบกับปริมาณขายส่งออกของกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ชะลอตัว และบริษัทฯมี EBITDA อยู่ที่ 4,232 ล้านบาท ลดลง 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
อีกทั้ง ในไตรมาสที่ 1/68 Core EBITDA อยู่ที่ 4,257 ล้านบาท ลดลง 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 44% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ Core profit อยู่ที่ 916 ล้านบาทเมื่อเทียบกับ 1,686 ล้านบาท ในช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 34 ล้านบาท ในไตรมาสก่อน โดยในไตรมาสที่ 1/68 มีรายการที่นอกเหนือจากการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ ขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์
ทั้งนี้ หากแบ่งตามสายธุรกิจหลัก พบว่า รายได้จากการขายของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร อยู่ที่ 24,223 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากราคาและปริมาณขายกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่ลดลง ส่วนสายธุรกิจกระดาษมีรายได้อยู่ที่ 6,924 ล้านบาท ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 7,027 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากราคาขายและปริมาณขายของผลิตภัณฑ์กระดาษพิมพ์เขียนที่ลดลง ขณะที่บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน อยู่ที่ 13 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 48 ล้านบาท
นอกจากนี้ นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SCGP กล่าวว่า ภาพรวมในไตรมาสแรกของปี 2568 อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์อาเซียนเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งได้รับผลดีจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล การเตรียมสินค้าก่อนถึงวันหยุดในไทยและอินโดนีเซีย การฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และการส่งออกสินค้าก่อนมาตรการภาษี อย่างไรก็ตาม ความต้องการบรรจุภัณฑ์บางส่วนในจีนและเวียดนามได้รับผลกระทบจากวันหยุดช่วงเทศกาลปีใหม่ ประกอบกับความต้องการในสินค้าคงทนที่ชะลอตัวจากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่จำกัดมากขึ้น
SCGP มุ่งเน้นการขายภายในประเทศภูมิภาคอาเซียน เพื่อตอบสนองความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น เพิ่มสัดส่วนกลุ่มบรรจุภัณฑ์อุปโภคบริโภค รวมถึงปรับกลยุทธ์การส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์ไปยังประเทศต่าง ๆ ในอาเซียน เอเชียใต้ และตะวันออกกลาง นอกจากนี้ SCGP สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการลดต้นทุนด้วยการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning รวมถึงการจัดการต้นทุนพลังงานและวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิล (RCP) ที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 มีรายได้จากการขาย 32,209 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มี EBITDA อยู่ที่ 4,232 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสำหรับงวด 900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
ภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ไตรมาสที่ 2 ปี 2568 คาดว่าอาเซียนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ความต้องการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงเติบโตจากนโยบายกระตุ้นภายในประเทศ โดยคาดว่า GDP จะเติบโตเฉลี่ย 2-7% ซึ่งมีความแตกต่างกันในแต่ละประเทศ โดยที่ยังคงสูงกว่าภูมิภาคอื่น และความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์กลุ่มสินค้าส่งออกที่เพิ่มขึ้นในช่วงก่อนการบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้า สำหรับต้นทุนวัตถุดิบกระดาษรีไซเคิลและค่าขนส่งมีแนวโน้มปรับขึ้นเล็กน้อยจากความต้องการในภูมิภาค ขณะที่ต้นทุนพลังงานมีแนวโน้มทรงตัว และมีความท้าทายจากภาคการส่งออกที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับการรับมือจากมาตรการภาษี (Reciprocal Tariff) SCGP ได้เตรียมแผนเชิงรุก มุ่งปรับตัวรวดเร็ว สร้างความสามารถและความได้เปรียบในการแข่งขันผ่านคุณภาพสินค้า ความร่วมมือ สร้างความเป็นเลิศด้านการตลาด (Marketing Excellence) เพื่อส่งมอบสินค้า บริการและโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมแผนการใช้ประโยชน์จากฐานการผลิตที่ตั้งอยู่ในหลายประเทศและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงแผนการส่งออกสินค้าไปยังตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง อีกทั้งยังมีการบูรณาการห่วงโซ่อุปทาน เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า และการจ้างผลิตเพื่อให้ได้ต้นทุนที่แข่งขันได้ เช่น การผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารในยุโรปตะวันออก
นอกจากนี้ ยังเดินหน้ากลยุทธ์สร้างการเติบโตด้วยการมุ่งเน้นขยายตลาดในอาเซียน รวมถึงการเพิ่มโอกาสใหม่ในกลุ่มสินค้าบรรจุภัณฑ์สำหรับผู้บริโภค เพื่อนำเสนอโซลูชันบรรจุภัณฑ์ครบวงจร โดยได้ร่วมลงทุนในบริษัทโฮวะ แพ็คเกจจิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด ในสัดส่วนร้อยละ 25 กับ Howa Sangyo Company Limited เพื่อผลิตบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัวสำหรับอาหารสัตว์เลี้ยงชนิดเปียก ด้วยกำลังการผลิต 6,000 ตันต่อปี ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการผลิตในเดือนมิถุนายนปีนี้ และเดินหน้ากลยุทธ์การเติบโตในตลาด Healthcare Supplies ด้วยการผสานความร่วมมือกับ Once Medical Company Limited (Once) นำความเชี่ยวชาญมาผลิตหลอดฉีดยาและเข็มฉีดยาที่บริษัทวีอีเอ็ม (ไทยแลนด์) จำกัด (VEM-TH) ในประเทศไทย ด้วยงบลงทุนประมาณ 142.3 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มการผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม ปี 2569 ซึ่งจะช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้ากระบอกฉีดยาและเข็มฉีดยาของประเทศไทย และช่วยเพิ่มโอกาสการขายผ่านช่องทางของ Deltalab, S.L. ในประเทศสเปนด้วย
บริษัทฯ ได้มุ่งพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืน โดยสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้านวัตกรรมและโซลูชัน คิดเป็นร้อยละ 39 ของรายได้จากการขายรวมในไตรมาสที่ 1 ของปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 37% ในปี 2567 และล่าสุด Paper Cutlery หรือนวัตกรรมช้อน ส้อม และมีด ที่ผลิตจากกระดาษ แบรนด์ “Fest by SCGP” ได้รับรางวัลชนะเลิศ THAIFEX-HOREC Innovation Awards จากเวที THAIFEX-HOREC Asia 2025 นอกจากนี้ SCGP ขับเคลื่อน ESG เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยในไตรมาสแรก สามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลเป็น 42% จาก 38% ในปีก่อน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้