BCP:ปี 59 มีแนวโน้มดีต่อเนื่องแนะซื้อราคาเป้าหมาย 39 บาท
แนะนำซื้อ BCP ให้ราคาพื้นฐาน 39 บาท/หุ้น (Sum-of-parts) โดยเป็นมูลค่าจากธุรกิจโรงกลั่น 30 บาท/หุ้น และจากธุรกิจโรงไฟฟ้า 9 บาท/หุ้น ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 59 ต่ำเพียง 6.6 เท่า และคาดว่าจะให้ Dividend Yield สูงกว่า 6% ในช่วงปี 59-60
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (26 พ.ค.) ว่า บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP กำไรสุทธิปี 58 ขยายตัวสูงแม้ว่าจะขาดทุนใน ไตรมาส 4/58 โดยบริษัทรายงานกำไรสุทธิปี 58 ที่ 4.2 พันล้านบาท (จากกำไรสุทธิ 696 ล้านบาทในปี 57) แม้ว่าใน ไตรมาส 4/58 จะขาดทุนสุทธิ 112 ล้านบาท ซึ่งดีกว่าคาดเพราะตั้งสำรองด้อยค่าในธุรกิจ E&P เพียง 70 ล้านบาท สำหรับ Core Profit ที่ไม่รวมรายการกำไร/ขาดทุนใน FX เติบโตแกร่ง 74% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะค่าการกลั่นและการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นเพิ่มขึ้น แต่ก็ถือว่าน้อยกว่าคาดจากต้นทุนการเงินสูงกว่าที่ประเมินไว้
ปี 59 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง คาดการณ์กำไรสุทธิจะขยายตัวได้ 36% ซึ่งมาจาก 1) คาดว่าจะไม่มีผลขาดทุนในสต็อกและการตั้งสำรองด้อยค่าน้อยลง ซึ่งคาดว่าจะเห็นการพลิกฟื้นของราคาน้ำมันได้ในไตรมาส 2/59, 2) ค่าการกลั่น (GRM) ปี 59 อ่อนลงเป็น 8.4 ดอลลาร์/บาร์เรล (จาก 9 ดอลลาร์/บาร์เรล) แต่ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูง ส่วนอัตราการใช้กำลังการผลิตโรงกลั่นปี 59 คาดว่าจะอยู่ที่ 9.5 หมื่นบาร์เรล/วัน
3) ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มยังไปได้ดี และสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนให้กับบริษัท โดยในปี 58 เป็นปีแรกที่รับรู้รายได้จากกำลังการผลิต 118MW เต็มปี โดยธุรกิจนี้ให้ EBITDA 3 พันล้านบาท ซึ่งดีกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 2.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ EBITDA จากธุรกิจโซลาร์คิดเป็น 27% ของ EBITDA รวม บริษัทได้เข้าซื้อ SunEdison Japan ทำให้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้นอีก 198MW แต่เริ่มผลิตจริงแล้วเพียง 13MW และที่เหลือจะทยอยเข้ามาในปี 59-60 บริษัทตั้งเป้าหมายขยายกำลังการผลิตไปถึง 500MW ภายในปี 63 (รวมทั้งโซลาร์ฟาร์มและโรงไฟฟ้าจากพลังงานใต้พิภพในอินโดนีเซีย)
แนะนำซื้อ BCP ให้ราคาพื้นฐาน 39 บาท/หุ้น โดยเป็นมูลค่าจากธุรกิจโรงกลั่น 30 บาท/หุ้น และจากธุรกิจโรงไฟฟ้า 9 บาท/หุ้น ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 59 ต่ำเพียง 6.6 เท่า และคาดว่าจะให้ Dividend Yield สูงกว่า 6% ในช่วงปี 59-60