SET แกว่งแคบ-จับตาผลประชุม G-20 สะสม 17 หุ้นปันผลโดนใจ-ราคา Laggard

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ขณะที่ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากผลการประชุม G20 ที่สนับสนุนให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.16 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.73 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่ตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดพุ่งขึ้น ขานรับผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ G20 ที่เห็นพ้องให้สร้างเสถียรภาพในตลาด

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบเพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ ขณะที่ตลาดยังมีปัจจัยบวกจากผลการประชุม G20 ที่สนับสนุนให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ

หุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ INTUCH, ADVANC, KTB, SIRI,DIF, CPNRF, BTSGIF, GL, SAWAD, HANA, PTTGC , DELTA , SIRI , STEC, SMT, AAV, IFEC

 

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ เนื่องจากตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวคละกันทั้งในแดนบวก-ลบ โดยตลาดหุ้นจีนปรับตัวลง แต่ตลาดประเทศอื่นก็ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ภายหลังจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดีกว่าคาดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้น ซึ่งก็ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์อ่อนตัวลง

อย่างไรก็ดี ตลาดฯยังมีปัจจัยบวกจากผลการประชุม G20 ที่สนับสนุนให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยตลาดฯได้บ้าง แต่ในช่วงต้นสัปดาห์นี้จะมีการประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตของหลายประเทศ ซึ่งตลาดก็คาดว่าจะออกมาไม่ดี

ดังนั้น เมื่อดัชนีฯปรับตัวขึ้นก็อาจจะมีแรงขายทำกำไรออกมาได้ โดยเฉพาะที่บริเวณแนวต้าน 1,350 จุดขึ้นไป เป็นจุดที่มองว่าน่าจะมีแรงขายมากขึ้น ส่วนแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1,360 จุด และแนวรับให้ไว้ที่ 1,335-1,330 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.พ.) ว่า ระวังการ “พักฐาน” ระยะสั้นมากขึ้นที่แนวต้าน 1,350 จุด (โดยเฉพาะหุ้นใหญ่ที่ Outperform ตลาดก่อนหน้าอย่างพลังงาน ธนาคาร) หลัง SET ปรับสูงขึ้นแรง 5.2% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามด้วยแนวโน้มการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของ ECB และ BOJ ต่อเนื่องในการประชุมกลางเดือน มี.ค.นี้ และ Earnings Yield Gap ที่สูง ทำให้ Downside Risk จากการพักฐานจะจำกัด

ทำอะไรดีเริ่มระวังการ “พักฐาน” มากขึ้น โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นกลุ่มหุ้นที่ Outperform ตลาดก่อนหน้านี้ ขณะที่กลุ่มหุ้น Laggard และให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง คาดว่าจะยังปรับสูงขึ้นต่อได้:-

1) หุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง INTUCH ADVANC KTB (แนะนำ Block Trade KTB วันนี้) SIRI รวมถึง DIF CPNRF BTSGIF

2) Laggard และได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ อย่าง GL SAWAD

3) กำไร Bottom Out ไปแล้ว และปันผลสูง HANA

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.พ.) ดัชนี SET ที่ขึ้นมาจากจุดต่ำสุดในต้นเดือน ม.ค. ที่ประมาณ 15% ถึงระดับกรอบ 1340+/- จุด มองว่า ดัชนีน่าจะเริ่มพักตัว ซึ่งอาจดูได้จากเริ่มมีแรงขายหุ้นจากนักลงทุนต่างชาติที่ซื้อมาตั้งแต่ดัชนี SET ต่ำกว่า 1300 จุดขณะที่ปริมาณการซื้อขายของตลาดก็เริ่มลดลง ผลดังกล่าวมาจาก ตลาดไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆ ราคาหุ้นในกลุ่มหลักอย่าง ธนาคารพาณิชย์ สื่อสารและพลังงาน ขึ้นมาในระดับ 12-13% จากต้นปี

อาทิตย์นี้คาดทิศทางดัชนีSET จะขึ้นทดสอบ 1350-1360 จุด หากผ่านมาได้ก็คงไม่ไกล ทางตรงข้ามหากไปไม่ไหวและเริ่มมีแรงขายทำกำไร ดัชนีมีสิทธิที่จะลงไปเล่นบริเวณ 1300+/- จุดได้อีก โดยปกติดัชนี SETเดือน มี.ค. ในรอบ 10 ปีจะขึ้นได้ดีแต่ในปีนี้ ดูเหมือนตลาดยังต้องหาปัจจัยบวกที่ดีพอ โดยราคาน้ำมันน่าจะแกว่งตัวแคบลง ตลาดหุ้นสหรัฐน่าจะค่อยๆซึมลงหลังขึ้นมาติดต่อกัน

ส่วนปัจจัยภายใน เริ่มมีแรงกดจากภาวะภัยแล้งและการเข้าสู่ช่วง XD วันนี้มองดัชนี SET จะแกว่งในกรอบแคบๆ เพื่อรอปัจจัยหนุนใหม่ๆ โดยมองแนวต้านที่ 1348-1352 จุด ส่วนแนวรับที่ 1338-1334 จุด วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร TU

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.พ.) ว่าตลาดหุ้นไทยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาปิด +0.72 % สถาบันซื้อสุทธิ 1.6 พัน ลบ. ต่างชาติขายสุทธิ -1.3 พัน ลบ. ส่วนใน Index Futures ต่างชาติยังคงมีสถานะ Long 3.7 พันสัญญา ขณะที่ตลาดพันธบัตรต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 1.5 หมื่น ลบ. สะท้อนทิศทางเม็ดเงินระยะสั้นยังคงไหลเข้าเก็งกำไรส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย

ประเด็นสำคัญสัปดาห์นี้ติดตามรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตของภูมิภาคต่าง ๆ  กลยุทธ์การลงทุน จากผลการประชุม G-20 ที่ไม่สนับสนุนกาคลดค่าเงิน , ความผันผวนในตลาดเงินตลาดทุนที่เริ่มลดลงยังเป็นปัจจัยบวกหนุนดัชนี SET แต่เมื่อพิจารณาแนวต้านที่ระดับ 1,350 จุด คิดเป็น Forward P/E 14 X  ส่งผลให้ Upside ดัชนีน่าจะเริ่มจำกัดในระยะสั้น จึงแนะนำขายทำกำไรบางส่วน โดยวาง Filer แนวรับที่ระดับ 1,330 จุด

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.พ.) ว่าคาดดัชนีวันนี้บวกต่อกรอบแคบ หุ้นโลกยังได้แรงหนุนจากผลประชุมกลุ่ม G-20 ที่ส่งสัญญาณกระตุ้นเศรษฐกิจโลกต่อ ผนวกกับแรงเก็งกำไรผลประชุม ECB วันที่ 10 มี.ค.และ BOJ วันที่ 15 มี.ค.ยังคงอยู่ แต่ช่วงสั้นทางขึ้นมีจำกัด หลังหุ้นไทย Outperform มาแล้วระดับหนึ่ง และทุนต่างชาติอาจชะลอ/ผันผวนมากขึ้นหลังค่าเงินดอลล่าร์ฟื้นตัว โดยเมื่อวันศุกร์สหรัฐปรับเพิ่ม GDP ไตรมาส 4/58 เป็น 1.0% จากตัวเลขเดิมที่ 0.4% และเงินเฟ้อ Core PCE สหรัฐม.ค.เร่งตัวขึ้นเป็น 1.7๔ ส่งผลให้ตลาดเฟดฟันด์ฟิวเจอร์กลับมามองว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้สัก 1-2 ครั้ง ปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้วันที่ 1 มี.ค.ดัชนี PMIs ของจีน และยูโรโซนเดือน ก.พ.และวันที่ 4 มี.ค.ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐเดือนม.ค.

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร SMT/AAV/IFEC

 

บล.เคทีบี ระบุในบทวิเคราะห์ (29 ก.พ.) ว่าทิศทางตลาดหุ้นไทย ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก และผลการประชุม G-20 ที่เราตีความได้ว่าประเทศในกลุ่มจะใช้มาตรการต่างๆเพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และไม่ต้องการให้ใช้นโยบายลดค่าเงิน-ดอกเบี้ย เป็นปัจจัยกระตุ้นตลาดหุ้นทั่วโลกในวันนี้ รวมถึงของไทย แต่ในส่วนของตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีการปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้แล้ว  โอกาสที่ดัชนีฯจะขึ้นแรงจึงมีน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ และในระหว่างวัน คาดจะมีแรงขายทำกำไรช่วงสั้นเข้ามาเป็นระยะๆ 

ปัจจัยที่คาดว่าจะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน การรายงานผลประกอบการ (วันสุดท้ายคือเช้า 3 มี.ค.)  ราคาน้ำมัน และทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศต่อการตอบรับผลประชุม G-20 ว่านักลงทุนจะคลายความกังวล และโยกเงินออกจากสินทรัพย์เสี่ยงหรือไม่

กลยุทธ์การลงทุน  แม้ตลาดต่างประเทศจะมีแนวโน้มเป็นบวก และสำหรับตลาดหุ้นไทย การเข้าลงทุนในวันนี้ จะต้องเพิ่มความระมะดระวัง เนื่องจากราคาหุ้นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศ+สถาบันฯ ราคาขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว การเข้าซื้อหุ้นในวันนี้ จึงควรรอในจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมาก่อน   …..   สำหรับหุ้นที่คาดว่า นักลงทุนจะให้ความสนใจ  อาทิ PTTGC , DELTA , SIRI , STEC

ด้านสัญญาณเทคนิค ประเมินดัชนีตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมีทิศทางที่แกว่งตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชิดกรอบบนของแนวโน้มย่อยที่เป็นขาขึ้นตลอดทั้งสัปดาห์ ขณะที่ดัชนีเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมามีความพยายามที่จะฝ่าแนวต้าน 1340 จุดหลายครั้งจนสามารถทำปิดที่ใกล้จุดสูงสุดของวันที่ 1343 จุด ซึ่งบริเวณดังกล่าวถือว่า Peak Zone เป็นแนวต้านของแนวโน้มย่อยที่เป็นขาขึ้น และแนวโน้มระยะกลางที่เป็นขาลง (1345) อีกทั้งสัญญาณบ่งชี้ที่ยังเดินหน้าทำ Overbought ทำให้ยิ่งต้องระมัดระวังต่อการปรับฐาน แนวรับ 1330 // 1310 จุด ขณะที่แนวต้าน 1350-1360 จุด

Back to top button