โพสิชั่นดีโมนิก้าและทีมงาน

*หลายคนอาจงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,346.95 จุด บวกไป 14.58 จุด ด้วยมูลค่า 4.15 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ระหว่างวันอ่อนตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,331.55 จุด พร้อมกับทำท่าจบรอบเล่นชั่วคราวนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเกมขาโหดที่หลายคนคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เพราะโลกของการลงทุนมันไม่มีอะไรชัวร์เลยสักเรื่องเจ้าค่ะ


*หลายคนอาจงงเป็นไก่ตาแตกเมื่อเห็นดัชนีทะยานขึ้นมาปิดที่ 1,346.95 จุด บวกไป 14.58 จุด ด้วยมูลค่า 4.15 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ระหว่างวันอ่อนตัวลงไปทำจุดต่ำสุดที่ 1,331.55 จุด พร้อมกับทำท่าจบรอบเล่นชั่วคราวนั้น “โมนิก้า” ถือเป็นเกมขาโหดที่หลายคนคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดี จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น เพราะโลกของการลงทุนมันไม่มีอะไรชัวร์เลยสักเรื่องเจ้าค่ะ

*นั่นหมายความว่า การเข้ามาซื้อของกองทุนขี้ตืด 340 ล้านบาท ผสมโรงกับปอบผีฟ้าฟาดเข้าพอร์ตไปอีก 1.53 พันล้านบาท ขณะที่แมงเม่าปีกเหล็ก และฝรั่งตาน้ำข้าว ฉวยโอกาสขายหุ้นทำกำไรอย่างเมามัน “โมนิก้า” ถือเป็นเกมหุ้นธรรมดาๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน หรือถ้าพูดให้เข้าแก๊ปขึ้นมานิดหนึ่งคือ สลับบทกันเล่นชั่วคราว ซึ่งผู้เล่นแต่ละกลุ่มก็เข้าใจบทบาทของตัวเองกันทั้งนั้นนะจ๊ะ

*สิ่งที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือ “โมนิก้า” หันไปพิเคราะห์พิจารณาสัญญาณเทคนิครายวันก็พบว่า ทุกอย่างยังอยู่ในลู่ทางที่สดใสเหมือนวันก่อนๆ เส้น 10 วัน และเส้น 25 วัน ยังคงประคองดัชนีได้อย่างยอดเยี่ยม ผสมกับแรงซื้อที่อัดแน่นเข้ามาตลอดทั้งวัน ส่งผลให้ทิศทางการเคลื่อนตัวของหุ้นยังอยู่ในรูปแบบฟันปลา และมีลุ้นวิ่งทะลุแนวต้าน 1,350 จุดค่อนข้างสูงเลยทีเดียวนะคะ

*โดยมีข้อแม้ว่า หุ้นแม่ลูก PTT กับ PTTEP ยังคงทำตัวเป็นกองหนุนที่ดี ไม่หนีค่ายไปก่อนเวลา “โมนิก้า” ก็มั่นใจเกิน 100% ว่า ทุกอย่างจะดีขึ้นอย่างช้าๆ ซึ่งเหมือนกับการขยับขึ้นของราคาหุ้นในเที่ยวนี้ เทียบกับราคาหุ้นในช่วงกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ทุกคนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ หากดูราคาปิดของตัวแม่ที่ระดับ 268 บาท บวกไป 8 บาท หรือขึ้นไป 3% เทียบกับช่วงเวลาที่เกริ่นนำไว้จะเห็นราคาหุ้นพุ่งขึ้น 34%  ขณะที่หุ้นตัวลูกปิดที่ระดับ 71.75 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 5.90% เทียบกับช่วงเวลาดังกล่าวหุ้นขึ้น 77% เดี๊ยนเม้าท์ได้แค่ว่า ใครสายป่านยาวได้เปรียบเจ้าค่ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ CPALL จู่ๆ ทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง พร้อมด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่น ทำเอาผู้คนในวงการตลาดหุ้นมองหน้ากันหลึกหลัก ตกลงใครเป็นคนดันหุ้นกันแน่? ในเมื่อมติหลายฝ่ายก็บอกกันอย่างทนโท่ว่า โดนแบน เหตุไฉนหุ้นถึงวิ่งขึ้นมาปิดที่ 44.75 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.50% หน้าตาเฉย และเมื่อเทียบกับตอนที่มีปัญหาราคาหุ้นอยู่แถว 39 บาท…เขาถึงชอบพูดว่า วิกฤติคือโอกาส ไงล่ะค่ะ

*ส่วนในรายของ JAS จะสามารถพลิกวิกฤติเป็นโอกาสได้หรือเปล่า? “โมนิก้า” ขอตอบแบบใจจริงว่า ไม่แน่ใจเหมือนกัน! เพราะทันทีที่ได้ฟังคุณพี่ “ฐากร” เลขาธิการ กสทช. ให้สัมภาษณ์ทางคลื่นวิทยุ FM. 98.50 ของหนังสือพิมพ์ข่าวหุ้นธุรกิจว่า หมดสิทธิ์ต่อรองเรื่องการจ่ายเงิน เท่ากับเป็นการย้ำความกังวลของคนที่ถือหุ้นมากยิ่งขึ้น พร้อมกับทำให้การขึ้นมาปิดที่  2.78 บาท บวกไป 0.04 บาท ไม่ค่อยมั่นคงสักเท่าไหร่นะเนี่ย

*เหมือนกับในรายของ ITD มีผลขาดทุนตัวแดงโร่มาแต่ไกล ย่อมเป็นอุปสรรคต่อการเข้าลงทุนเต็มๆ “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นหุ้นตัวนี้โดนสาดทิ้งเป็นเวลานาน เพราะมันมองไม่เห็นความคุ้มค่าในการถือหุ้นต่อไปเรื่อยๆ บวกกับองค์ประกอบที่เป็นตัวหนุนไม่ซัพพอร์ต วานนี้ถึงเห็นหุ้นยืนหงอยอยู่ที่บริเวณ 6.40 บาท  ขณะที่ปลายปี 58 หุ้นขึ้นไปยืนถึง 9 บาท แถม เสี่ย ย. โม้เป็นคุ้งเป็นแคว สุดท้ายก็ติดหุ้นกันถ้วนหน้าแบบนี้…บอกได้ว่า เสี่ยก็ยังไม่รอด…อิอิอิ

*ส่วนหุ้นความหวังที่ “โมนิก้า” อยากให้มิตรรักแฟนเพลงหันมามองอีกสักนิดในเที่ยวนี้คือ SCI ซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับของน้อง “ตูน” วันนี้หนุ่มไฟแรงเริ่มแย้มผลงานให้ทุกคนเห็นแล้วบางส่วน ซึ่งเป็นโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจมากๆ เพราะเป็นตัวช่วยหนุนกำไรในอนาคต แถมได้ยินข่าวแว่วๆ มาจากพรายกระซิบว่า ยังมีอีกหลายโปรเจ็กต์ที่กำลังซุ่มทำแบบนี้กระมัง! วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 7.55 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 7.80% น่าตามไปดูสุดๆ นะคะ

*อีกหนึ่งประเด็นที่ “โมนิก้า” ชอบแส่มากสุดคงเป็นเรื่องที่ขาเม้าท์ป้องปากซุบซิบนินทากันว่า BIGC ไปทำอะไรบ้างอย่างที่ล้ำเส้นมากเกินไป จนมีคนนำข้อมูลออกมาเผยแพร่กันอย่างกว้างขวางว่า ชอบอม? เดิมทีเดี๊ยนก็ไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่! จนมีคนในวงการออกมาใบ้ข้อมูลให้ว่า คนที่ถูกอมเป็นบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหุ้น ซึ่งอยู่ในหมวดของเครื่องใช้ไฟฟ้า และจำนวนเงินที่ถูกมุบมิบไปในเที่ยวนี้ก็หลายสิบล้านบาทเลยทีเดียวนะคะ

*ไม่เพียงเท่านั้น? ว่ากันว่า เรื่องนี้มีการเจรจากันมาแล้วหลายรอบ แต่สุดท้ายทางห้างก็พยายามดึงเชิง เพื่อให้ภาระดังกล่าวไปตกอยู่ที่กลุ่มผู้ซื้อรายใหม่ “โมนิก้า” ถึงเกิดความรู้สึกรับไม่ได้อย่างแรง หลังเห็นฝรั่งกำลังจะโกยเงินหนีไปดื้อๆ พร้อมกับทิ้งปัญหาให้กับคนไทยมาแก้กันเอง วันนี้ถึงต้องออกมาทวงถามความจริงมันเป็นอย่างไร? เพราะหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หุ้นที่โดนชาร์จค่าเปิดสาขาใหม่ขึ้นต้นด้วยตัว A… งานนี้จริงเท็จอย่างไร คงต้องรอให้ฝั่งต้นเรื่องออกมาชี้แจงกับสังคมกันเอาเอง เดี๊ยนมีหน้าที่แค่บอกเล่าเรื่องราว เพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้นพะยะคะ

Back to top button