“ฮ่องกง คิง ไว เรียล เอสเตท กรุ๊ป” ฮุบ KTP ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่

กลุ่ม "บ.ฮ่องกง คิง ไว เรียล เอสเตท กรุ๊ป" จากฮ่องกง เข้าเทกฯ KTP โดยจะซื้อหุ้นทั้งหมด 45.45% จากผู้ถือหุ้นใหญ่ คิดเป็นมูลค่า 300 ลบ. คาดทำการเสร็จเม.ย.นี้


บริษัท เคปเปล ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KTP ระบุว่า บริษัท เคปเปล แลนด์ ลิมิเต็ด (KLL) ได้ทำการลงนามในสัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไขระหว่างผู้ถือหุ้นใหญ่กับบริษัท ฮ่องกง คิง ไว เรียล เอสเตท กรุ๊ป จำกัด (HKKW) โดย KLL ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KTP จะขายหุ้นทั้งหมด 45.45% ที่ถืออยู่ในบริษัทให้กับ HKKW 

โดยบริษัท เคปเปล คอร์ปอเรชั่น ลิมิเต็ด (KCL) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ KLL ได้ทำการประกาศเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ตามข้อกำหนดในการจดทะเบียนหลักทรัพย์ของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ โดยการซื้อขายจะเสร็จสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขบังคับก่อนทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในสัญญาซื้อขายแล้ว

ทั้งนี้ KCL ระบุว่า บริษัทย่อยของบริษัท คือ KLL และบริษัทย่อยของ KLL คือ บริษัทเคปเปล แลนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส พีทีอี แอลทีดี ได้เข้าทำสัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไข กับ HKKW ซึ่งเป็นผู้ซื้อ โดยมีค่าตอบแทนรวมจำนวน 300 ล้านบาท หรือประมาณ 11.8 ล้านเหรียญสิงคโปร์ เมื่อคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ ต่อ 25.42 บาท เกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย ซึ่งประกอบด้วยการขายหุ้นจำนวน 100 ล้านหุ้น คิดเป็น 45.45% ขอหุ้นใน KTP ,การขายหุ้นจำนวน 2 หุ้น คิดเป็น 100% ในบริษัทแฮมเชียร์ พีทีอี แอลทีดี (HPL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ KLL ให้แก่ผู้ซื้อ และการแปลงหนี้ใหม่โดยการโอนสิทธิเรียกร้องในจำนวนเงินทั้งหมดที่บริษัท ท๊อป พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ต้องชำระหรือเป็นหนี้อยู่กับบริษัท เคปเปล แลนด์ ไฟแนนเชียล เซอร์วิส พีทีอี แอลทีดี ให้แก่ผู้ซื้อ (หนี้คงค้าง)

โดยตามสัญญาซื้อขายนั้น การแบ่งค่าตอบแทนรวมระหว่างหุ้น KTP ที่จะขาย , หุ้น HPL ที่จะขาย และหนี้คงค้างนั้นจะได้ตกลงเป็นที่สุดในวันที่ธุรกรรมการซื้อขายเสร็จสิ้น (Completion Date) ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 18 เม.ย.59 การขาย KTP สอดคล้องกับแผนการของ KLL ที่จะหมุนเวียนเงินลงทุนเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนที่สูงขึ้น เพื่อหาโอกาสทางธุรกิจอื่นๆในประเทศไทยผ่านการเข้าเป็นหุ้นส่วนหรือเข้าทำกิจการร่วมค้ากับหุ้นส่วนในท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง

ขณะที่ KTP มีธุรกิจหลักเกี่ยวข้องกับการพัฒนาและลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ส่วน HPL เป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นในประเทศสิงคโปร์ โดยมีธุรกิจหลักคือการลงทุน ภายหลังจากเสร็จสิ้นธุรกรรมการซื้อขาย KTP จะสิ้นสุดสถานะการเป็นบริษัทในเครือของบริษัท และ HPL จะสิ้นสุดสถานะการเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ส่วน HKKW ซึ่งเป็นผู้ซื้อเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน และเป็นบริษัทในเครือของ คิง ไว กรุ๊ป

ทั้งนี้ ทางฝ่ายผู้ซื้อจะเริ่มดำเนินการตรวจสอบสถานะของบริษัท (Due Diligence) ซึ่งการตรวจสอบสถานะดังกล่าวคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จช่วงต้นเดือนเมษายน 2559 ซึ่งก่อนที่ธุรกรรมการซื้อขายจะเสร็จสิ้น KTP จะยังคงดำเนินธุรกิจและประกอบกิจการเป็นปกติเช่นเดิม ทั้งนี้ เมื่อธุรกรรมการซื้อขายเสร็จสิ้นลงหรือโดยเร็วที่สุดภายหลังจากนั้น กรรมการที่เสนอชื่อโดย KLL จะลาออกจากคณะกรรมการบริษัทของ KTP และจะถูกแทนที่โดยกรรมการที่เสนอชื่อโดย HKKW โดยหลังจากนั้น การดำเนินธุรกิจของ KTP จะเป็นไปตามแผนงานและยุทธศาสตร์ที่ถูกกำหนดขึ้นโดยคณะกรรมการชุดใหม่

อนึ่ง ตามข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯล่าสุดเดือนมี.ค.58 พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ขอ KTP คือ KLL จำนวน 45.45% รองลงมาเป็น UTAYAN THANI CO.,LTD ถือหุ้น 8.21%

ขณะที่ล่าสุด ณ เวลา 10.02 น. ราคาอยู่ที่ 2.60 บาท บวก 0.56 บาท หรือ 27.45% สูงสุดที่ 2.60 บาท ต่ำสุดที่ 2.54 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 6.91 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.68% ขณะที่ราคา Ceiling อยู่ที่ 2.64 บาท

Back to top button