ชัยชนะของคนแพ้แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

หลังวิกฤติธุรกิจที่รุนแรง วิกฤติต้มยำกุ้ง กลุ่มคาสิโน หรือชื่อเต็มว่า Casino Guichard-Perrachon ผู้ประกอบการค้าปลีกอันดับสองของฝรั่งเศส ได้เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC และก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนกลุ่มเซ็นทรัลใน พ.ศ. 2542 ด้วยราคาหุ้นที่ระดับเพียงแค่ 17 บาท


หลังวิกฤติธุรกิจที่รุนแรง วิกฤติต้มยำกุ้ง กลุ่มคาสิโน หรือชื่อเต็มว่า Casino Guichard-Perrachon ผู้ประกอบการค้าปลีกอันดับสองของฝรั่งเศส ได้เข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC และก็กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทนกลุ่มเซ็นทรัลใน พ.ศ. 2542 ด้วยราคาหุ้นที่ระดับเพียงแค่ 17 บาท

กิจการนี้ถูกขยายให้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดในปี พ.ศ. 2553 เมื่อกลุ่มคาสิโน จัดการให้ BIGC ได้เข้าถือหุ้นใหญ่ในกิจการของคู่แข่งค้าปลีกของฝรั่งเศสเช่นเดียวกัน คาร์ฟูร์ ในประเทศไทย ด้วยราคาซื้อขาย  686 ล้านยูโร หรือ 2.75 หมื่นล้านบาท เป็นเครือข่ายค้าปลีกแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตที่ใหญ่สุดของไทย

การเข้าถือหุ้นของกลุ่มคาสิโน เกิดขึ้นพร้อมกับที่หน่วยงานกำกับดูแลของกระทรวงพาณิชย์ไทย ยืนหลับอยู่ จึงไม่เห็นว่า มีการถือหุ้นของกลุ่มนี้เกิน 50% ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งการถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมผ่านนอมินี

ผลลัพธ์คือ ไม่เคยมีใครยกความผิดปกติที่เกิดขึ้นมากล่าวหา แบบที่หน่วยงานรัฐไทยเคย “ไล่บี้” กับบางบริษัท  

ต้นปีนี้ กลุ่มคาสิโน เปิดประมูลขายหุ้นที่ถืออยู่ใน BIGC ทั้งหมด 58.56% คิดเป็นจำนวน 483,077,600 หุ้น ให้กับคนที่สนใจจะซื้อ เพราะจะเอาเงินไปชำระหนี้ที่ท่วมหัวในฝรั่งเศส ปรากฏว่า มีคนเข้าแข่งขัน 2 รายสำคัญคือ กลุ่มเสี่ยเจริญ สิริวัฒนภักดี  หรือ ทีซีซี กรุ๊ป และ กลุ่มเซ็นทรัล โดยตระกูลจิราธิวัฒน์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และยังคงถือหุ้นอยู่ในนามต่างๆ รวม 25%

แรกสุดใครก็คิดว่า กลุ่มหลังจะชนะ เพราะมีรากฐานเดิมที่โยงใยอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่า กลุ่มแรกใจถึงกว่ากล้าสู้ราคา จนท้ายสุดสามารถเอาชนะไปได้ในราคา 252.88 บาทต่อหุ้น (ในเงื่อนไขว่า ราคาหุ้นอาจจะมีการปรับลงตามจำนวนเงินปันผล ซึ่งผู้ขายได้รับตามมติที่ประชุมสามัญประจำปี 2559 ของบริษัท) ซึ่งดีลนี้จะจบลงภายในเดือนมีนาคมนี้

แรกสุดก็ไม่มีอะไร เพราะกลุ่มเสี่ยเจริญ คงต้องไปดำเนินการให้ครบกระบวนการซื้อขายกิจการ คือ ทำ เทนเดอร์ออฟเฟอร์ ต่อไป

ก่อนถึงขั้นตอนดังกล่าว กลุ่มเสี่ยเจริญ ต้องไปดำเนินการหาแหล่งเงิน 2 ก้อนคือ ก้อนแรก 1.2 แสนล้านบาท สำหรับจ่ายให้กับกลุ่มคาสิโนส่วนอีกก้อนลดลงไปอีกเล็กน้อยแต่ก็ใกล้เคียงกัน เอาไว้สำหรับทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ …ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์ก็พากันแนะรายย่อยและคนอื่นๆ ว่า ขายให้เขาไปเถอะ เพราะราคานี้ …หาไม่ได้อีกแล้ว

พูดเข้าทางเสี่ยเจริญล่ะ …เพราะ กลุ่มนี้มีนิสัยซื้อกิจการแบบ “กินเรียบ” ถือหุ้นเกือบทั้งหมด ไม่ให้ตกหล่น ยอมให้หุ้นขาดสภาพคล่องกัน..ดังกรณีของ เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) เสริมสุข (SSC)  หรือ โออิชิ (OISHI) หรือ ยูนิเวนเจอร์ (UV) หรือ โกลเด้นแลนด์ (GOLD)

เรื่องทั้งหมดมันน่าจะหวานคอเสี่ยเจริญตามคาด แต่กลับไม่ใช่ เพราะ…เหนือฟ้า ยังมีฟ้า

เสี่ยทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ออกมาระบุชนิดไม่กลัวจะ “ชกข้ามรุ่น” ว่า ทางกลุ่มเซ็นทรัลหรือตระกูลจิราธิวัฒน์ ยังไม่มีแผนที่จะขายหุ้นของ BIGC ที่ถืออยู่จำนวน 25% ออกมา แม้ภายหลังจากที่กลุ่มเสี่ยเจริญเข้ามาบริหารแล้ว

เสี่ยทศอ้างเหตุผลว่า กลุ่มเซ็นทรัลร่วมก่อตั้ง BIGC นับตั้งแต่ปี 2537 แม้จะเผชิญวิกฤติในปี 2540 จึงลดสัดส่วนเหลือ 25% และยังถือว่าธุรกิจนี้ยังมั่นคง แต่อาจจะเติบโตไม่หวือหวาเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีฐานที่ระดับใหญ่กว่าเดิมมาก

แล้วก็ย้ำอีกครั้งว่า  “ไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้นดังกล่าวออกไป อย่างแน่นอน”

แถมยังบอกเพิ่มเติมว่า นอกจากไม่ขายแล้ว ยังคิดจะซื้ออีก โดยสนใจที่จะเข้าไปซื้อกิจการบิ๊กซีที่เวียดนามด้วย แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ โดยเบื้องต้นประเมินมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท

พูดนิ่มๆ แต่ “พูดน้อย ต่อยหนัก” เสมือน “อาฮุย” ควงกระบี่ที่ “ไม่มีฟัน ไม่มีตวัด มีแต่แทง…แทงได้จากทุกทิศ” จ่อกลางทรวงอกด้านซ้ายของเสี่ยเจริญ ผู้เปรียบเสมือน เซี่ยงกัวกิมฮ้ง” ฉายา “ห่วงหงส์มังกร” ทีเดียว

ถือว่า “คม ชัด ลึก” ยิ่งนัก เพราะมีความหมายไม่ธรรมดา สมกับเป็นหลานรักเจ้าสัวใหญ่ สุทธิเกียรติ จิราธิวัฒน์ ผู้อาวุโสสุดของกลุ่มเซ็นทรัล ที่เป็นแบ็กอัพหลังฉาก

หากหลังจากทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ จบ กลุ่มเซ็นทรัลไม่ยอมขายหุ้นออกมาจริงตามพูด กลุ่มนี้จะมีสิทธิส่งตัวแทนเข้าไปนั่งในบอร์ดของ BIGC อย่างน้อย 2 คน ซึ่งเท่ากับ “ล้วงคองูเห่า” ทันที เพราะ ไม่ว่า BIGC ยุคเสี่ยเจริญ จะคิดทำอะไร กลุ่มเซ็นทรัล จะรู้ทั้งหมด…แต่กลุ่มเซ็นทรัลคิดจะทำอะไร เสี่ยเจริญ จะไม่รู้อะไรเลย

พฤติกรรมทางธุรกิจในบอร์ดรูมองค์กรเช่นนี้ ไม่ใช่สไตล์ที่เสี่ยเจริญชื่นชอบ

ทางเดียวที่เสี่ยเจริญจะต้องดำเนินการขจัด “ก้างขวางคอ”  คือ หาทางเอากลุ่มเซ็นทรัลออกจากบอร์ดของ BIGC ….หมายถึง ต้องซื้อหุ้นจากมือของกลุ่มเซ็นทรัลในราคาที่แพงกว่า ราคาเทนเดอร์ออฟเฟอร์

ประเด็นก็อยู่ที่ว่า กลุ่มเซ็นทรัล จะพึงพอใจราคาเสนอซื้อที่เท่าใด…คงไม่ใช่ 253 บาทต่อหุ้นแน่นอน

ถือเป็น “ชัยชนะของผู้แพ้” ที่มีความหมายยิ่ง

เจ้าสัว (เจริญ) ได้ปะทะ เจ้าสัว (สุทธิเกียรติ)…ช้างประสานงา และ คมเฉือนคม แน่นอน

ห้ามกะพริบตา!!!

Back to top button