อึมครึม….คลำสุ่มแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
แล้วหุ้นของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ก็ยังคงทำการซื้อขายในตลาดต่อไป ท่ามกลางความอึมครึมไม่แน่นอน 2 เรื่องหลักพร้อมกันไป คือ เรื่องของการชำระเงินค่าใบอนุญาตและหาแบงก์การันตีสำหรับใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz ที่จะครบกำหนดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กับเรื่องการซื้อหุ้นคืนแบบพิสดาร
แล้วหุ้นของบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ก็ยังคงทำการซื้อขายในตลาดต่อไป ท่ามกลางความอึมครึมไม่แน่นอน 2 เรื่องหลักพร้อมกันไป คือ เรื่องของการชำระเงินค่าใบอนุญาตและหาแบงก์การันตีสำหรับใบอนุญาต 4G คลื่น 900 MHz ที่จะครบกำหนดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า กับเรื่องการซื้อหุ้นคืนแบบพิสดาร
เรื่องแรก มีคำถามหลายข้อเลยทีเดียว นับแต่ว่าด้วยพันธมิตรธุรกิจที่จะซื้อหุ้นเพิ่มทุนของแจ๊ส โมบายที่เพิ่มทุนรอไว้แล้ว 20,000 ล้านบาท แต่ยังไม่ได้ชำระ ซึ่งต้องรอดูว่าฝีมือกุนซือใหญ่และเก๋าอย่าง ชาญ บุลกุล (มา ชาน ลี) จะประสานสิบทิศได้ลงตัวและทันเวลาหรือไม่ ไปจนถึงหาก แจ๊ส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) เบี้ยวไม่ชำระค่าใบอนุญาต จะต้องถูกตัดสิทธิ์บริการอื่นๆ ไปด้วยหรือไม่
เรื่องหลังนี้ ตอนแรก นายฐากรณ์ ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.ออกมาบอกแกมขู่ว่า ต้องโยงกันแน่นอนกับบริษัทแม่ เพราะทั้ง JAS และ แจ๊ส โมบายบรอดแบนด์ ต่างมีผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกัน หากลูกทำผิด ต้องแม่ทำผิดด้วย
อีกมุมหนึ่ง หมอลี่ หรือ นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการ กสทช.อีกสายหนึ่ง ก็ออกมาระบุว่า หากบริษัท แจส โมบายฯ ไม่นำเงินมาชำระค่าใบอนุญาต 4G คลื่นความถี่ 900 MHz ภายในวันที่ 21 มี.ค.นี้ ก็เชื่อว่าจะไม่กระทบกับใบอนุญาตอื่นๆ ที่กลุ่ม JAS เคยได้รับไปแล้ว เนื่องจากถือว่าเป็นคนละนิติบุคคลกัน หากผู้รับใบอนุญาตไม่ได้ทำผิดเงื่อนไขการประกอบกิจการก็ไม่สามารถไปรอนสิทธิได้
ความเห็น “มองต่างมุม” อย่างนี้ ต้องให้กสทช.ไปหาฉันทามติกันเอง เพื่อให้ชัดเจน แม้ว่าเรื่องยังไม่เกิดขึ้น
ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วอึมครึมไม่รู้จบ เพราะหุ้น JAS ที่ยังเทรดในตลาด มีราคาผันผวนป่วนตลาดไม่รู้จบ ทั้งขึ้นลงระหว่างวัน หรือขึ้นวันลงวันน่าเสียวไส้ ท่ามกลางข่าวลือทั้งจริงและเท็จสารพัดในเรื่องของการซื้อหุ้นอันแสนพิสดาร
คำถามก็คือ ในความอึมครึมเช่นนี้ ทำไมผู้บริหาร ตลาดฯและก.ล.ต. ในฐานะผู้ดกำกับดูแลกฎกติกา ถึงพากันรวมใจนั่งนิ่งอมสากกะเบือ ไม่พูดให้ชัดว่าจะเอาอย่างไร ยอมให้นักลงทุนซื้อขายท่ามกลางความคลุมเครืออันแป็นการผิดกติกาของตลาดทุนที่จะต้องมี full discolure ให้มากที่สุด
ทำไมไม่บอกชัดๆ ว่าทำได้หรือไม่ได้?..หรือมัวแต่เกี่ยงกันว่าใครจะทำก่อนระหว่างตลาด กับ ก.ล.ต.?
ถ้าหากไม่ชัดเจนจริง ทำไมไม่ขึ้นเครื่องหมาย SP หุ้น JAS ไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยให้คลุมเครือกำหนดราคาซื้อคืนว่า “ยังไม่แน่นอน” หรือ “ประมาณ 5 บาท” ซึ่งเขย่าราคาหุ้นให้ผันผวนไปมากลายเป็นหุ้นการพนันโดยปริยาย
หากมองจากกติกาของตลาดในการซื้อหุ้นคืนแล้ว ผู้รู้ด้านกฎหมาย ระบุว่า โดยกระบวนการแล้ว เงื่อนไขซื้อหุ้นแบบ “เป็นการทั่วไป” หรือ GO (general offering) ของ JAS ในรอบนี้นั้น เป็นไปตามกติกาทุกประการที่ไม่เข้าข่าย “บาป 7 ประการ”
นับตั้งแต่ 1) ซื้อหุ้นคืนกว่า 10% ซึ่งสามารถกำหนดราคาเองได้ ไม่ต้องเข้าเงื่อนไขราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน 2) ไม่ทำให้สัดส่วนฟรีโฟลตตำกว่า 15% 3) ไม่ได้เกินกว่ากำไรสะสมของบริษัทที่มีอยู่ 4) มีสภาพคล่องของบริษัทเพียงพอ เพราะมีความสามารถชำระหนี้ได้ใน 6 เดือนข้างหน้าเพราะมีสัดส่วน ดี/อีต่ำ 5) ราคาซื้อขายไม่เกิน 115% ของราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 5 วันทำการ 6) ไม่ได้ทำรายการก่อนการเปิดเผยข้อมูลสำคัยเช่นการเพิ่มทุน หรือ งบการเงิน หรือ จ่ายปันผล 6) ไม่ได้ทำรายการระหว่างกันหรือกำลังเทกโอเวอร์กิจการอื่น 7) การทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกัน ในกรณีซื้อคืนจากตลาดฯ
ส่วนที่อาจจะเข้าข่ายมีความผิดพลาด และทำให้ซื้อคืนไม่ได้ มีอยู่ข้อเดียยวเท่านั้น ซึ่งต้องการคนที่เกี่ยวข้องกับการดูแลกฎกติกาออกมาชี้แจง ได้แก่ การตั้งราคาซื้อแบบ “มีลักษณะผลักดันราคา หรือ ทำให้การซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดฯเปลี่ยนแปลงผิดไปจากสภาพปกติของตลาด”
โป๊ะเชะ ….ราคาที่จะซื้อคืน หากแพงกว่า 4 บาท เมื่อใด ถือว่า JAS มีสิทธิ์เข้าข่ายนี้เต็มเปา เลี่ยงได้ยาก
ไม่อย่างนั้น ราคาหุ้น JAS บนกระดานซื้อขายหลายวันนี้ คงไม่วิ่งขึ้นลงเหมือนบั้งไฟในงานบุญที่ยโสธร หรอกนะ…จะบอกให้
ท่ามกลางความงุนงงสงสัยของนักลงทุนที่เถียงกันหน้าดำคร่ำเครียดก็ตีโจทย์ไม่ออกว่า พิชญ์ โพธารามิก กำลังคิดอะไร และจะทำอะไร
เรื่องราวของ JAS ยามนี้ อึมครึมไปทุกระดับ…ทำให้นักลงทุนที่เข้าซื้อขายหุ้นวันละหลายพันล้านบาทมีลักษณะ “ตาบอดคลำช้าง” ไม่มีผิด…
ให้มันได้อย่างนี้สิ ประเทศไทย