KCE ยังสดใส

เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่านวัตกรรมทั้งหลายในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าเครื่องยนต์กลไก ทำให้ความต้องการซื้อของ Electronic Control Unit คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ต่อปี ซึ่งงานนี้ทำให้ KCE จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


–คุณค่าบริษัท–

 

เป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ว่านวัตกรรมทั้งหลายในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเรื่องของอิเล็กทรอนิกส์มากกว่าเครื่องยนต์กลไก ทำให้ความต้องการซื้อของ Electronic Control Unit คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 6% ต่อปี ซึ่งงานนี้ทำให้ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE จะได้รับประโยชน์โดยตรงจากแนวโน้มการเติบโตดังกล่าวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพราะบริษัทจัดอยู่ในอันดับ 5 ในตลาดโลก และยังใช้กลยุทธ์ในการเป็นผู้นำด้านราคา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้บริษัทประสบความสำเร็จ เนื่องจาก KCE มีต้นทุน COGS ต่ำกว่าคู่แข่งที่ 68% ในขณะที่คู่แข่งที่สูสีที่สุดคือ Chin-poon ยังอยู่ที่ 84% ในปี 2558 ส่วนทางด้าน GPM ที่โรงงานใหม่ผู้บริหารบอกว่าน่าจะเกิน 40%

ส่วนด้านผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 12,531.16 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 11,654.40 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายและให้บริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีกำไรขยับขึ้นมาอยู่ที่ 2,240.11 ล้านบาท หรือ 3.93 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 2,109.77 ล้านบาท หรือ 3.89 บาทต่อหุ้น

ที่สำคัญก็คือ เมื่อวิเคราะห์ฐานะทางการเงินของบริษัท ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวแปรที่สำคัญในการตัดสินใจต่อการลงทุนในอนาคต พบว่า ฐานะทางการเงินของบริษัทยังคงดูดี เพราะสินทรัพย์หมุนเวียนมากถึง 6,935.89 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียนเพียง 5,025.80 ล้านบาท ได้ค่า Current Ratio อยู่ที่ระดับ 1.38 เท่า แสดงว่า บริษัทยังคงมีสภาพคล่องทางการเงินดูดีอยู่

ส่วนปัญหาหนี้สินไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แม้บริษัทมีหนี้สินรวม 8,729.86 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 8,100.21 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.08 เท่า แสดงว่า ปัญหาหนี้สินของบริษัทยังไม่ได้รบกวนการดำเนินงานของบริษัท เพราะบริษัทมีกำไรอยู่

ในขณะที่นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มองว่า ราคาเป้าหมายคิดเป็น P/E ปี 2559 ที่18 เท่า และคิดว่าหุ้น  KCE สมควรที่จะมี premium มากกว่ากลุ่มเนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิปี  2558 จะโตถึง 26% ซึ่งจะช่วยหนุนราคาหุ้น นอกจากนี้ ยังมองว่าประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นที่โรงงานใหม่ก็จะถือเป็น upside risk และเชื่อว่า อาจจะมีแผนที่จะแยกกิจการ Thai laminate (บริษัทลูก) ออกไปซึ่งจะเป็นปัจจัยกระตุ้นในระยะกลาง ยังคงเลือก KCE เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

ทั้งนี้ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 88 บาทต่อหุ้น

 

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

1.นายบัญชา องค์โฆษิต 58,002,380 หุ้น 10.17%

2.นายพิธาน องค์โฆษิต 36,076,222 หุ้น 6.33%

3.นายอรรถสิทธิ์ องค์โฆษิต 34,623,923 หุ้น 6.07%

4.น.ส.ชุตินาถ องค์โฆษิต 32,992,875 หุ้น 5.79%

5.นางวรลักษณ์ องค์โฆษิต 30,839,750 หุ้น 5.41%

 

รายชื่อกรรมการ

1.นาย บัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการ

2.นาย บัญชา องค์โฆษิต ประธานกรรมการบริหาร

3.นาย พิธาน องค์โฆษิต กรรมการผู้จัดการ

4.นาง จันทิมา องค์โฆษิต กรรมการ

5.นาย ปัญจะ เสนาดิสัย กรรมการ

Back to top button