ดาวโจนส์ปิดบวกขณะนักลงทุนจับตาประชุมเฟด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) โดยเพราะได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อยเพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมัน นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมของเฟดจะเริ่มขึ้นในวันที่ 15-16 มี.ค.นี้
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (14 มี.ค.) ที่ 17,229.13 จุด เพิ่มขึ้น 15.82 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,750.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือ +0.04% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,019.64 จุด ลดลง 2.55 จุด หรือ -0.13%
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (14 มี.ค.) ที่ 17,229.13 จุด เพิ่มขึ้น 15.82 จุด หรือ +0.09%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,750.28 จุด เพิ่มขึ้น 1.81 จุด หรือ +0.04% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,019.64 จุด ลดลง 2.55 จุด หรือ -0.13%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกหลังจากหุ้นกลุ่มสินค้าเพื่อผู้บริโภคดีดตัวขึ้น โดยหุ้น Amazon.com หุ้นสตาร์บัคส์ และหุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ต่างก็ปรับตวขึ้นแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่ผันผวน เนื่องจากการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบ WTI ได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยเมื่อคืนนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงมากกว่า 3% หลังจากมีรายงานว่าอิหร่านเตรียมเพิ่มการผลิตน้ำมัน
การร่วงลงของราคาน้ำมันส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับวิกฤตราคาพลังงาน โดยมอร์แกน สแตนเลย์ออกรายงานเตือนว่า ภาวะเศรษฐกิจซบเซาทั่วโลก และการผลิตน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง จะสกัดการทะยานขึ้นของราคาน้ำมัน
มอร์แกน สแตนเลย์ยังระบุว่า ภาวะราคาน้ำมันถูกไม่ได้ช่วยกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างที่หลายฝ่ายได้คาดการณ์ไว้ โดยเมื่อราคาน้ำมันร่วงลงต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ผลบวกด้านรายได้ที่ผู้บริโภคได้รับ จะน้อยกว่าต้นทุนของผู้ผลิตน้ำมัน ทำให้การดิ่งลงของราคาน้ำมันกลายเป็นสิ่งที่ให้ผลเป็นลบในที่สุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะเริ่มขึ้นในวันที่ 15-16 มี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และนักลงทุนจะคอยดูการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ด้วยเช่นกัน
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงกว่า 6.7% เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นดอลลาร์ ทรี อิงค์ ปรับตัวขึ้น 1.2% และหุ้นเกมสต็อป คอร์ป พุ่งขึ้น 3%
ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนก.พ., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนมี.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนม.ค. และดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB)