ลงก่อนขึ้นโมนิก้าและทีมงาน
หากใครได้ติดตามความคิดเห็นของ “โมนิก้า” ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า เดี๊ยนอยากให้มีการทดสอบแรงเทขายอย่างหนักหน่วง เพื่อให้แน่ใจว่า แรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้เป็นของจริง 100% หากดัชนียืนระยะได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง น่าจะอนุมานได้ทันทีว่า “ของแท้” หากออกอาการป้อแป้อย่างรวดเร็ว ก็อนุมานได้ทันทีว่า “ของเทียม” เดี๊ยนถึงรู้สึกเฉยๆ เมื่อดัชนีแกว่งตัวสะเปะสะปะเจ้าค่ะ
*หากใครได้ติดตามความคิดเห็นของ “โมนิก้า” ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาจะเห็นว่า เดี๊ยนอยากให้มีการทดสอบแรงเทขายอย่างหนักหน่วง เพื่อให้แน่ใจว่า แรงซื้อที่เข้ามาในรอบนี้เป็นของจริง 100% หากดัชนียืนระยะได้อย่างมั่นคงแข็งแกร่ง น่าจะอนุมานได้ทันทีว่า “ของแท้” หากออกอาการป้อแป้อย่างรวดเร็ว ก็อนุมานได้ทันทีว่า “ของเทียม” เดี๊ยนถึงรู้สึกเฉยๆ เมื่อดัชนีแกว่งตัวสะเปะสะปะเจ้าค่ะ
*เนื่องจากห้วงเวลานี้มีแต่ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจนักเล่น “โมนิก้า” ถึงเห็นกองทุนตัวแสบเทขายหุ้นอย่างหนักหน่วง ส่วนฝรั่งตาน้ำข้าวก็หันมาเทขายหุ้นอีกรอบ ดัชนีถึงรูดลงมากองยู่ที่ 1,382.93 จุด ลบไป 11.34 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.44 หมื่นล้านบาท เดี๊ยนถึงเชื่อว่า จังหวะนี้เป็นการปรับสมดุลก่อนกระชากขึ้นไปสร้างแนวรับเหนือระดับ 1,400 จุดนะจะบอกให้
*ประกอบกับสัญญาณเทคนิคฟ้องให้เห็นกันจะจะว่า ดัชนียังสามารถยืนเหนือเส้น 200 วันตรงบริเวณ 1,380 จุดได้อย่างฉิวเฉียด แถมได้แรงหนุนจากเส้นแนวรับ 10 วัน เข้ามาช่วยค้ำยันบริเวณดังกล่าว “โมนิก้า” ถึงเกิดความมั่นใจอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูว่า หากวันนี้ประคองตัวยืนเหนือจุดดังกล่าวได้อย่างมั่นคง ดัชนีจะกลับตัวขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญทางจิตวิทยาอีกรอบพะยะค่ะ
*วันนี้ถึงต้องสำรวจหุ้นที่โดนถล่มลงมาหนักๆ เมื่อวันก่อนว่า วันนี้มีโอกาสฟื้นตัวไหม? และปัจจัยที่ใช้ในการประเมินสถานการณ์ในครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของฟันด์โฟลว์ “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับเน้นกลยุทธ์ทำรอบสั้นๆ เพื่อไม่ให้เสียรอบในการเข้าลงทุน เพราะมองไปข้างหน้าทีไร มีแต่เรื่องละเหี่ยใจ จึงต้องกำหนดรูปแบบการลงทุนให้มีความคล่องตัวที่สูงขึ้นเท่านั้นเอง
*เหมือนกับหุ้นกลุ่มสื่อสารที่เละเป็นโจ๊กกันอย่างถ้วนหน้า “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องที่คนในสังคมพอรับรู้กันมาระยะหนึ่งว่า นักลงทุนสถาบันไม่เล่นยาว หุ้นถึงเซถลาเป็นนกปีกหัก บวกกับสถานการณ์ล่าสุด หุ้นอยู่ในทิศทางโค้งตัวลงเหมือนกันหมด วันนี้ถึงต้องดูกันว่า หุ้นจะยืนระยะไหวไหม? หากยืนระยะได้อย่างมั่นคง วันถัดไปมีโอกาสพลิกตัวกลับขึ้นมาอีกรอบนะคะ
*ส่วนอีกหนึ่งกลุ่มที่ตกอยู่ในชะตากรรมที่คล้ายกัน “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ PTT และ PTTEP เพราะหุ้นยังโค้งตัวลงอย่างชัดเจน แถมสัญญาณทางเทคนิคก็ดูไม่ดีเอาเสียเลย โอกาสที่หุ้นจะไหลลงต่อมีค่อนข้างสูง เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับอดใจรออีกสักหน่อย เพราะแก๊ปที่หุ้นจะลงต่อค่อนข้างกว้าง รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าที่ควร จึงน่าจะยึดหลัก รักสิบล้อ..ต้องรอสิบโมง ไปก่อน..อิอิอิ
*สำหรับในรายที่แรงไม่บันยะบันยัง “โมนิก้า” ขอหันไปเม้าท์มอยถึงหุ้นยางมะตอย TASCO เพื่อเปิดทางเลือกให้กับนักเล่นเท้าไฟ เพราะของมันเห็นกันเต็มสองลูกตาว่า หุ้นบวกสวนตลาดทั้งที่นักลงทุนสถาบันสาดหุ้นทิ้งกันโครมๆ มันน่าจะมีนัยอะไรบางอย่างแอบแฝงอยู่แน่ๆ ครั้นจะเม้าท์มอยว่า ของเขาดีจริงๆ ก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า นี่คือแหล่งชุมนุมของพวกขาใหญ่ ซึ่งชอบหักหลังกันไปมา แต่สุดท้ายก็เวียนมาร่วมแก๊งกันอีก เดี๊ยนถึงมองการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 27 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 8% เป็นอะไรที่ต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการเข้าเล่นล้วนๆ นะจ๊ะ
*เหมือนกับกรณีของเจ้าจำปี THAI พอเผลอทีไร กระชากขึ้นทำ new high เป็นประจำทุกที ล่าสุดวิ่งขึ้นมาปิดที่ 12.90 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 12% ด้วยมูลค่า 505 ล้านบาท พร้อมกับทำจุดสูงสุดในรอบ 9 เดือนแบบนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของพวกที่ถนัดเล่นเร็วทำเร็ว เพราะการฟื้นตัวของธุรกิจสายการบิน มักเกิดขึ้นแค่ในระยะสั้นๆ จึงอย่าตั้งความหวังอะไรไว้เยอะเกินไปนะคะ
*ผิดกับในรายของ BIG หากส่องกล้องดูตามเนื้อผ้าเป็นหลัก “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นที่ลงทุนได้สบายๆ เพราะผู้บริหารมีหลักในการบริหารจัดการสินค้าได้ค่อนข้างดี แถมในปีที่ผ่านมาก็ทำผลงานได้แจ่มแจ๋วเสียด้วย วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.16 บาท บวกไป 0.16 บาท หรือขึ้นไป 8% ด้วยมูลค่า 400 ล้านบาท พร้อมกับขอแนะนำให้จับตาดูผู้บริหารหนุ่มไฟแรง “ธนสิทธิ์” คนนี้ให้ดี เพราะยังมีทีเด็ดที่อุบไว้เยอะนะซี
*เช่นเดียวกับหุ้นขวัญใจคนล่าสุดอย่าง TACC ซึ่งมาพร้อมกับนวัตกรรมทางธุรกิจที่หลากหลาย วันนี้หลายคนเริ่มล่วงรู้ถึงแผนการเติบโตแบบก้าวกระโดดในปีนี้จะมีอะไรบ้าง! รวมถึงราคาเป้าหมายของหุ้นที่มีการประเมินไว้มันสูงกว่าที่เป็นอยู่ขนาดไหน? “โมนิก้า” ถึงต้องการให้แฟนคลับคิดกันเอาเองว่า หุ้นติดแคชบาลานซ์ แต่วิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.25 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.30% ด้วยมูลค่า 100 ล้านบาท..มันควรจะมีอะไรหรือเปล่า! และคนที่น่าจะให้คำตอบได้ดีสุดก็คือ “ชนิต” กับ “ชัชชวี” นะคะ