บลจ.ธนชาต ออกกอง T-AllStarJapan2จับจังหวะลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ขาย 10-16 มี.ค.

บลจ.ธนชาต ออกกอง T-AllStarJapan2 จับจังหวะลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ขาย 10-16 มี.ค.


นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนธนชาต เปิดเผยว่า บลจ.ธนชาตจะออกกองทุนเปิด T-AllStarJapan 2 ซึ่งไม่ใช่กองทุน Trigger Fund แต่เป็นกองทุนปิดอายุ 1 ปี โดยมีลักษณะเป็นกองทุนผสมสามารถรอจังหวะลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ ทยอยคืนผลตอบแทน (Auto Redeem) ให้ผู้ลงทุนสูงสุดไม่เกิน 4 ครั้ง เปิดเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 10-16 มีนาคม 59 ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท  ขณะที่มองตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

โดยเมื่อปลายปี 57 บลจ.ธนชาต ได้ออกกองทุนเปิด  T-AllStarJapan1 ที่มีนโยบายลงทุนหุ้นรายตัวในประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้างผลตอบแทนได้ทะลุเป้าคือ 13%  (26 พ.ย. 57 – 24 พ.ย. 58) โดยกองทุนนี้มีบล.ธนชาต ซึ่งเป็นพันธมิตรการลงทุนกับ DAIWA โบรกเกอร์ชื่อดังอันดับต้นๆ ที่เชี่ยวชาญในตลาดหุ้นญี่ปุ่น เป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนอย่างใกล้ชิด ที่ผ่านมาจึงสามารถเลือกหุ้นได้ดีส่งผลให้ทำผลงานได้เกินคาด

สำหรับกองทุน T-AllStarJapan2 ที่จะเปิดขายจะเหมือน T-AllStarJapan1 ทุกประการ คือ มีกำหนดอายุโครงการไว้ที่ 1 ปี ผู้จัดการกองทุนจะเลือกลงทุนหลักทรัพย์ในญี่ปุ่นประมาณ 15-20 ตัว เน้นจับจังหวะการลงทุน และการเลือกหุ้นที่แม่นยำเพราะมีที่ปรึกษาที่เข้าใจการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นอย่างแท้จริง ประกอบกับกลยุทธ์ Active Management Portfolio ที่ติดตามสถานการณ์ และลดพอร์ตได้ทันท่วงที ทำให้กองทุนนี้มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ และในทางหนึ่งหากเกิดเหตุการณ์ที่ตลาดหุ้นคาดไม่ถึง กองทุนนี้ก็มีกลไกในการปกป้องเงินทุนได้ เพราะไม่ได้ลงทุนในตลาดหุ้นทั้งกระดาน

“นอกจากความมั่นใจจากผลงานที่เราเคยทำมาแล้ว ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเองก็นับว่ามีความน่าสนใจมาก ปัจจุบัน P/E อยู่ที่ 11.7 เท่า ซึ่งถือว่า P/E ของตลาดหุ้นญี่ปุ่นนั้น ต่ำสุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว ประกอบกับหุ้นส่วนใหญ่มากกว่า 50% ในตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นหุ้นกลุ่มวัฏจักร (Cyclical) ซึ่งมักได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว และมักมีความผันผวนตามสภาพเศรษฐกิจสูงมาก เพราะฉะนั้นหากเศรษฐกิจฟื้นตัวดี และธุรกิจมีกำไรสูง ก็มีโอกาสที่หุ้นจะสร้างผลตอบแทนได้เหนือคาดหมาย และสำหรับหุ้น วัฏจักรนั้น จังหวะการลงทุนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะฉะนั้นกองทุนนี้ที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านหุ้นญี่ปุ่นคอยให้คำปรึกษาจึงสามารถตอบโจทย์ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้ดี”นายบุญชัย กล่าว

โดยบริษัทญี่ปุ่นไม่รวมสถาบันการเงินมีส่วนของทุน (Equity) เฉลี่ยประมาณ 40% เทียบกับ 20% ในช่วงปี 33 เงินสดในบริษัทต่างๆ รวมกันมีมูลค่า 2.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ เกือบเท่ากับครึ่งหนึ่งของขนาดเศรษฐกิจญี่ปุ่น และบริษัทที่มีฐานะเงินสดสุทธิ (Net cash) มีจำนวนเกือบครึ่งหนึ่งของบริษัทในญี่ปุ่นซึ่งสูงกว่าตลาดอื่นมาก สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้บริษัทญี่ปุ่นมีแนวโน้มเพิ่มเงินปันผลหรือซื้อหุ้นคืนทำให้หุ้นญี่ปุ่นมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้นไปอีก

ประกอบกับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจสร้างโอกาสเติบโตที่ยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของราชการให้มีประสิทธิภาพ สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการจ้างงานให้มีความยืดหยุ่นต่อธุรกิจ  หรือแม้แต่ลดภาษีนิติบุคคลอย่างค่อยเป็นค่อยไปจากระดับสูงกว่า 35% ให้ต่ำกว่า 30% ก็จะยิ่งส่งเสริมให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น

 

Back to top button