โต (ธรรมดา) ไม่เป็น แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

การตัดสินใจของผู้บริหารและคณะกรรมการ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เพื่อเข้าฮุบกิจการแบบเบ็ดเสร็จในบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO โดยมุ่งหวังว่าจะทำให้รายได้และกำไรของ VGI พ้นจากช่วงเวลาถดถอยยาวนานเสียที ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะอ้างกันแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่อ้าง


การตัดสินใจของผู้บริหารและคณะกรรมการ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI เพื่อเข้าฮุบกิจการแบบเบ็ดเสร็จในบริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) หรือ MACO โดยมุ่งหวังว่าจะทำให้รายได้และกำไรของ VGI พ้นจากช่วงเวลาถดถอยยาวนานเสียที ไม่ใช่เรื่องแปลก และไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะอ้างกันแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ไม่เป็นอย่างที่อ้าง

ยุทธการทางธุรกิจที่จะโตทางลัดของ VGI ด้วยการซื้อกิจการสื่อที่เล็กกว่าที่มีโอกาสทำกำไรสูง  เป็นส่วนหนึ่งของแผนมุ่งสร้างการเติบโตยุคที่สองของบริษัท เพื่อสร้างรายได้และกำไรมากกว่ายุคแรก หลังจากที่ยุคแรกของการสร้างรายได้เกาะติดพื้นที่โฆษณาบนเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกับบริษัทแม่คือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS อันเป็นพฤติกรรม “เหาฉลาม”  เริ่มเข้าสู่ยุคอิ่มตัวมากขึ้น

3 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์ว่า การสร้างรายได้นอกร่มเงาของ BTS ทำงานไม่ได้ผลเต็มที่อย่างที่ประเมินเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้รายได้และกำไรถดถอยลงอย่างชัดเจน

รายได้และกำไรที่ถดถอยลงนั้น แม้ว่าอัตราส่วนทำกำไรจะยังคงสวยงามไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย แต่เมื่อทำได้ไม่เท่าเดิม ก็ถือว่าย่ำแย่อย่างเลี่ยงไม่พ้น  โดยเฉพาะการหารายได้จากช่องทางสื่อโฆษณาในโมเดิร์นเทรด (Tesco Lotus Big C และ Watsons) ที่ล่าสุดต้องถอยออกมาเกือบหมด

ภายใต้แผนงานเมื่อหลายปีก่อน  VGI ตั้งเป้าสร้างรายได้จาก 3 ส่วนพร้อมกัน เพื่อเป็นผู้นำธุรกิจให้บริการเครือข่ายสื่อโฆษณาหลากหลาย 3 ช่องทาง ที่เรียกว่า  Lifestyle Media  ประกอบด้วย  1) สื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน 2) สื่อโฆษณาในโมเดิร์นเทรด (Tesco Lotus Big C และ Watsons) และ 3) สื่อโฆษณาในอาคารสำนักงาน หรือกลางแจ้งอื่นๆ

เมื่อ 2 ปีก่อน VGI เพื่อเข้าซื้อหุ้น  MACO ด้วย มูลค่ารวม 661.50 ล้านบาท ในสัดส่วน 24.43% จุดเด่นของการลงทุนซื้อหุ้นครั้งนี้ของ VGI1 อยู่ที่ ทำให้ไม่ต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ และปล่อยให้ผู้บริหารเดิมทำหน้าที่ตามปกติ รับรู้เฉพาะส่วนแบ่งกำไร/ขาดทุนบนงบการเงินปีละครั้งเมื่อสิ้นงวดบัญชีเท่านั้น

การตัดสินใจดังกล่าวไม่ได้ผิดพลาดเพราะ MACO ยังไปได้ดี มี อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ย 54% และอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยที่สูงถึง 22%แต่มันโตช้าไม่ทันใจ เพราะคู่แข่งที่เล็กกว่าอย่าง แพลนบี มีเดีย หรือ PLANB ที่ใช้กลยุทธ์โตท่างลัดเช่นกันกำลังเร่งโตวันโตคืน แม้จะยังห่างไกล แต่ก็ประมาทไม่ได้

ปฏิบัติการฮุบ MACO แบบ “กินทั้งคำ” จึงเกิดขึ้น

เริ่มจากการเข้าซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมของ MACO บาท เพิ่มอีก 12.46% ในราคาหุ้นละ 1.10 บาท ส่งผลถือหุ้นเพิ่ม 37.42% พร้อมอัดงบอีก 2,071 ล้านบาท ตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ฯ ซื้อหุ้นที่เหลือ 62.58% จากผู้ถือหุ้นรายย่อย  แต่ไม่ต้องใช้เงินซื้อ MACO-W1 ที่ยังไม่ได้ใช้สิทธิ 752,239,632 หน่วย ที่มีอัตราการใช้สิทธิ 1 วอร์แรนต์ต่อ 1 หุ้นสามัญ ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2 บาท เพราะราคาแปลงสิทธิ์วอร์แรนต์สูงกว่าราคาเสนอซื้อหุ้น

งานนี้ เข้าข่าย “มีเงิน จ้างผีโม่แป้ง” ได้ แต่จะเข้าสูตรที่เคยคาดหวังไว้คือ  1+1= 3 ต้องตรวจสอบฝีมือของผู้บริหาร VGI ว่าเป็นเช่นไร

Back to top button