EFORL เผย WCIH มีแผนยื่นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายใน Q2/59
EFORL เผย WCIH ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (WCIG) มีแผนยื่นคำขอจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในไตรมาส 2/59 และคาดว่าแล้วเสร็จภายในปีนี้
บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ EFORL ระบุว่า บริษัท ดับบลิวซีไอ โฮลดิ้ง จำกัด (WCIH) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (WCIG) มีแผนยื่นคำขอจดทะเบียนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายในไตรมาส 2/59 และคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในปี 59 หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจเสริมความงามแล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อสัปดาห์ก่อน อนุมัติแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจเสริมความงาม โดยการขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัท สยามสเนล จำกัด จำนวน 51% ในราคาไม่เกิน 10.2 ล้านบาท และหุ้นทั้งหมดในบริษัท แดทโซ เอเซีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 18% ในราคาไม่เกิน 36 ล้านบาท ให้แก่ WCIH เพื่อทำให้โครงสร้างธุรกิจมีความเหมาะสมในการดำเนินการขายหุ้นเพิ่มทุนของ WCIH ให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยคาดว่าการขายหุ้นทั้งสองบริษัทดังกล่าวจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/59
โดยตามแผนการขายหุ้น IPO นั้น WICH จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,687 ล้านบาท จากเดิมที่ 1,160 ล้านบาท โดยกำหนดสัดส่วนของจำนวนหุ้น IPO ของ WCIH ไม่เกิน 49.7 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 30% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วของ WCIH ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO พร้อมทั้งกำหนดสัดส่วนไม่เกิน 17.4 ล้านหุ้น หรือไม่เกิน 35% ของจำนวนหุ้น IPO ทั้งหมดที่จะได้รับการจัดสรร เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น
ขณะที่ปัจจุบัน EFORL ถือหุ้นใน WCIH ซึ่งประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจเสริมความงาม จำนวน 50.17% และภายหลังการขายหุ้น IPO ของ WCIH แล้ว EFORL จะถือหุ้นใน WCIH จำนวนมากกว่าหรือเท่ากับ 34.50% ซึ่งการเพิ่มทุนของ WICH จะช่วยลดภาระหนี้สินและดอกเบี้ยจ่าย หลังจะนำเงินมาปลดภาระหนี้เงินกู้สถาบันการเงิน และยังเป็นการช่วยขยายธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ WICH มีแผนรุกตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเน้นในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะเปลี่ยนจากธุรกิจ Franchise เป็น Joint Venture ซึ่งจะทำให้มีการบริหารกิจการได้เองอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นอกจากนี้ EFORL ยังชี้แจงเพิ่มเติมถึงความคืบหน้าการสอบทานระบบการควบคุมภายในของ WCIG และความคืบหน้าการขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับบริษัท อี ฟอร์ แอล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EFORL INTER) ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เค แอนด์ ดับบลิว (ประเทศไทย) จำกัดด้วยว่า
ทั้งนี้ ผลการสอบทานระบบการควบคุมภายในของ WCIG และการปรับปรุงให้ WCIG มีระบบการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพ บริษัท พีแอนด์แอล อินเทอร์นอล ออดิท จำกัด (P&L) ผู้ตรวจสอบภายในของ WCIG ตรวจสอบภายในของ WCIG ในวงจรหลัก 5 หมวดใหญ่ๆ แล้ว โดยให้ข้อคิดเห็นและคำแนะนำเพื่อให้ WCIG ใช้เป็นแนวทางในการปรับปรุงระบบการควบคุมภายในให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ดีขึ้น โดย P&Lจะเข้าตรวจสอบระบบการควบคุมภายในของ WCIG อีกครั้ง ในช่วงกลางเดือนเม.ย.59 และ P&L จะรายงานผลการตรวจสอบระบบการควบคุมภายในของ WCIG เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการยื่นคำขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Filing)
ส่วนความคืบหน้าในการขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ระหว่างบริษัทกับบริษัท เคแอนด์ ดับบลิว ในระหว่างปี 58 บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายจากเจ้าของสินค้าซึ่งเดิมบริษัท เค แอนด์ ดับบลิว (ประเทศไทย) (K&W) จำกัด เป็นตัวแทนจำหน่าย บริษัทจึงต้องมีความผูกพันกับผู้แทนจำหน่ายเดิม เช่น ความผูกพันในการซื้อสินค้าคงเหลือ กล่าวคือต้องรับซื้อสินค้าคงคลังต่อจากตัวแทนจำหน่ายเดิมเพื่อนำมาบริการลูกค้า จึงทำให้ในปี 58 บริษัทจึงยังคงมีการซื้อสินค้าจาก K&W