น้ำมันดิบปิดร่วงหลังสต็อกพุ่งเกินคาด

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดร่วงลง 4% เมื่อคืนนี้ (23 มี.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 6 และแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.ปิด (23 มี.ค.) ร่วงลง 1.66 ดอลลาร์ หรือ 4% แตะที่ระดับ 39.79 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ค.ที่ตลาดลอนดอน ปิดลดลง 1.32 ดอลลาร์ หรือ 3.2% แตะที่ระดับ 40.47 ดอลลาร์/บาร์เรล

สัญญาน้ำมันดิบร่วงลงหลังจาก EIA รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 18 มี.ค. พุ่งขึ้น 9.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 532.5 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล ก่อนหน้านี้ สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 8.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว โดยพุ่งขึ้นมากกว่าถึง 3 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนระมัดระวังการซื้อขาย หลังจากเกิดเหตุก่อการร้ายที่สนามบินและสถานีรถไฟใต้ดินในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 คนและบาดเจ็บจำนวนมาก ขณะที่นักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าของการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งจะจัดขึ้นที่กาตาร์ในวันที่ 17 เม.ย. เพื่อหารือเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมัน

รายงานล่าสุดระบุว่า ลิเบียประกาศจะไม่เข้าร่วมการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย. ในขณะที่อิหร่านยืนยันว่าจะไม่เข้าร่วมประชุมด้วยเช่นกัน ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การที่ลิเบียและอิหร่านไม่เข้าร่วมการประชุมดังกล่าวนั้น จะลดประสิทธิภาพที่จะเกิดจากการประชุม ถึงแม้ว่าผลผลิตน้ำมันของลิเบียได้ปรับตัวลดลงในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก็ตาม

Back to top button