ดักเก็บ 21 หุ้นรับผลบวกมาตรการรัฐSET แกว่งกรอบแคบ-รอปัจจัยใหม่หนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์สั้น แต่ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกมากนัก แต่คาดว่าตลาดน่าจะมีแรงหนุนจากหุ้นที่ได้รับผลดีจากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยจับตาครม.สรุปผลเรื่องรถไฟฟ้าซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.05 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.29 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวขึ้นในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่ทะยานขึ้นหลังเงินเยนอ่อนค่า ขณะเดียวกันตลาดยังขานรับสหรัฐปรับเพิ่มประมาณการ GDP ไตรมาส 4 ปีที่แล้ว

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์สั้น แต่ยังแกว่งตัวในกรอบแคบ โดยตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกมากนัก แต่คาดว่าตลาดน่าจะมีแรงหนุนจากหุ้นที่ได้รับผลดีจากภาครัฐกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยจับตาครม.สรุปผลเรื่องรถไฟฟ้าซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มรับเหมา

สำหรับหุ้นเด่นเลือก CK, UNIQ, SEAFCO, ITD, STEC, CENTEL,MINT, MAJOR, BH, CPN, STEC, ERW, M, CPALL, HMPRO, GLOBAL, MAKRO, MC, ROBINS, TKN และ VIBHA

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (28 มี.ค.) ยังมีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดวันนี้ คาด SET sideways อยู่ในกรอบ 1,375 -1,400 จุด เนื่องจากตลาดขาดปัจจัยทั้งบวกและลบใหม่เข้าสู่ตลาด แม้ตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.พ จะกลับมาเป็นบวกแต่ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกทองคำขณะที่แนวโน้มยังไม่สดใส ประกอบกับตัวเลขนำเข้ายังแย่ต่อเนื่องซึ่งแสดงถึงภาคการลงทุนยังไม่ฟื้นตัว อย่างไรก็ตามเชื่อว่าช่วงนี้หุ้นที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่เตรียมเข้าครม. น่าจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษโดยเฉพาะหุ้นค้าปลีกและรับเหมาก่อสร้าง  

กลยุทธ์วันนี้: Selective BUY/เน้นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: TKN และ VIBHA (กองทุนในประเทศสนใจเป็นพิเศษหลังเราจัด NDR)

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (28 มี.ค.)  แม้การ “พักฐาน” ของ SET ยังดำเนินต่อไปในช่วงปลายสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ดียังมอง SET เคลื่อนไหว Sideways Up ไปที่ 1,430-1,460 จุดในระยะสัปดาห์ต่อไป ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) Bond Yield ต่ำทั่วโลกหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยง 2) ตัวเลขส่งออกเดือน ก.พ.กลับมาขยายตัว +0.3% y-y (ไม่รวมการส่งออกทองคำ) และ 3) ครม.พิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ รถไฟฟ้า สัปดาห์นี้ และจะทยอยเปิดประมูลตั้งแต่กลางปีนี้ หนุน Sentiment เศรษฐกิจ กลุ่มรับเหมาฯ วัสดุก่อสร้าง

แนะนำ “ซื้อ” กลุ่มรับเหมาฯ และโรงแรม ที่คาดว่าจะ Outperform ตลาดสัปดาห์นี้ จาก 1) การพิจารณาโครงการรถไฟรางคู่ และรถไฟฟ้าของ ครม. และ 2) การพิจารณามาตรการลดหย่อนภาษี กิน-เที่ยว 15,000 บาท แนะนำ “ซื้อ”:-

1) กลุ่มรับเหมาฯ: CK UNIQ SEAFCO และ “เก็งกำไร” ITD STEC

2) กลุ่มโรงแรม: CENTEL (80% ของรายได้มาจากในประเทศ) MINT

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (28 มี.ค.) ตลาดหุ้นไทยวันศุกร์ที่ผ่านปิด -0.76 % ปริมาณการซื้อขายชะลอตัวลงอยู่ที่ 3.5 หมื่น ลบ. มีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มสื่อสาร , พลังงานและธนาคาร โดยตลาดยังขาดปัจจัยใหม่ช่วยหนุนการซื้อขาย สัปดาห์นี้ติดตามการประชุม ครม. วันอังคาร คาดจะมีการอนุมัติโครงการรถไฟฟ้า 4 สาย , มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยว – ใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ รวมถึงนโยบายแจกเงินช่วยเหลือข้าราชการชั้นผู้น้อยและประชาชนวงเงิน 1.6 หมื่น ลบ.

กลยุทธ์การลงทุน วาง Filter แนวรับสำคัญที่ 1,380 – 1,390  กรณียืนได้แนะนำถือ หากยืนไม่ได้แนะนำลดพอร์ต แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มรับเหมา ITD ,CK, STEC,UNIQ / กลุ่มค้าปลีก ROBINS / กลุ่มท่องเที่ยว AAV , CENTEL , ERW

 

บล.เคจีไอ ระบุในบทวิเคราะห์ (28 มี.ค.)  คาดดัชนีรีบาวด์สั้นก่อนไซด์เวย์ต่อ ปัจจัยภายนอกยังเป็นกลาง หลังตลาดหุ้นหลักในต่างประเทศปิดทำการเมื่อวันศุกร์ ผนวกกับนักลงทุนชะลอเพื่อติดตามตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ จำนวนมากในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินทิศทางดอกเบี้ยเฟด ล่าสุดสหรัฐปรับตัวเลข GDP ไตรมาส 4/58 ขึ้นเป็น 1.4% จากเดิม 1.0% ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ ฟื้นตัวต่อเนื่อง ด้านปัจจัยภายในเป็นบวกเล็กน้อย ก่อนประชุมครม.พรุ่งนี้ซึ่งอาจจะพิจารณาโครงการรถไฟฟรางคู่ 4 สายและรถไฟฟ้าสายสีส้ม รวมถึงมาตรการหุนการใช้จ่ายภายในประเทศส่งผลให้กลุ่มที่เกี่ยวข้องน่าจะยังโดดเด่นกว่า SET ต่อไป

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร MAJOR-BH

 

บล.ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ (28 มี.ค.) แม้ว่าในระยะสั้นยังคาดว่าจะเห็นแรงซื้อเก็งกำไรขึ้นไปทดสอบระดับ 1,400 จุด ได้อีกจากประเด็นการเก็งกำไรมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแต่หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานต่างๆ จะเห็นว่าการปรับขึ้นมาที่ระดับ 1,400 จุด เป็นจังหวะในการขายทำกำไรลดพอร์ทการลงทุนที่ดี เนื่องจากคาดว่าจะมีปัจจัยลบหลายประเด็นรออยู่ในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า ประกอบไปด้วย 1) เศรษฐกิจโลกยังคงชะลอตัวลงโดยเฉพาะจีนดังจะเห็นได้จากการที่เฟดปรับลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลงเหลือ 2 ครั้งในปีนี้ 2) การประชุมกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันวันที่ 17 เม.ย. คาดว่าจะออกมาสร้างความผิดหวังหลังอิหร่านและลิเบียปฎิเสธเข้าร่วมประชุม ส่งผลให้ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับลดลงแรง 3)แรงขายทำกำไรของนักลงทุนต่างประเทศหลังค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง

และ4) ไม่คาดว่าจะมีการทำราคาปิด (window dressing) ประจำงวดไตรมาสแรกหลังตลาดปรับขึ้นมา +8.2% YTD นำโดยหุ้นกลุ่มหลักอย่าง ICT +18%, ธนาคาร +14.4% และพลังงาน +12% แต่ในทางกลับกันในระยะหลังกองทุนมักเป็นผู้ขายสุทธิในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของไตรมาส ดังนั้นเราแนะนำนักลงทุนทยอยขายทำกำไรต่อหากดัชนีรีบาวน์กลับไปที่ 1400 +/- โดยวันนี้เราให้แนวรับที่ 1385-1390 และแนวต้านที่ 1400-1410 จุด

ซื้อเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการภาครัฐ : แนะนำ ซื้อเก็งกำไร หุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในวันพรุ่งนี้อย่าง 1) การเร่งพิจารณาโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (+CK ITD STEC UNIQ) 2) การออกมาตรการลดหย่อนภาษีการกิน-เที่ยวในประเทศช่วงสงกรานต์เพื่อช่วยผู้ประกอบการโรงแรม & ท่องเที่ยวและร้านอาหาร (+CENTEL ERW MINT M)

3) มาตรการแจกเงินช่วยเหลือข้าราชการ รายละ 1,000 บาท เพื่อช่วยกระตุ้นการบริโภคและ 4) การปรับโครงสร้างภาษีบุคคลธรรมดาลง (CPALL CPN HMPRO GLOBAL MAKRO MC ROBINS )

Back to top button