พาราสาวะถี อรชุน
แถลงข่าวยืนยันทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อย แต่ยังพอมีเวลาเหลือไปอีกจนถึง 1 เมษายนนี้เพื่อแก้ไขหากพบข้อบกพร่อง นี่คือคำบอกกล่าวยืนยันของ มีชัย ฤชุพันธุ์แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรธ. มีการบอกว่าแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของรัฐและแนวนโยบายแห่งรัฐมากที่สุด ขณะที่หมวดที่ว่าด้วยการเมืองทั้งเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม ประกาศ 3 รายชื่อนายกรัฐมนตรีก่อนเลือกตั้งและส.ว.ลากตั้ง ย้ำว่านี่คือ กระบวนการประชาธิปไตยที่ไทยควรจะเป็น
แถลงข่าวยืนยันทุกอย่างเสร็จสรรพเรียบร้อย แต่ยังพอมีเวลาเหลือไปอีกจนถึง 1 เมษายนนี้เพื่อแก้ไขหากพบข้อบกพร่อง นี่คือคำบอกกล่าวยืนยันของ มีชัย ฤชุพันธุ์แต่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับกรธ. มีการบอกว่าแก้ไขเพิ่มเติมเรื่องสิทธิเสรีภาพ หน้าที่ของรัฐและแนวนโยบายแห่งรัฐมากที่สุด ขณะที่หมวดที่ว่าด้วยการเมืองทั้งเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสม ประกาศ 3 รายชื่อนายกรัฐมนตรีก่อนเลือกตั้งและส.ว.ลากตั้ง ย้ำว่านี่คือ กระบวนการประชาธิปไตยที่ไทยควรจะเป็น
ด้วยเหตุและผลเช่นนี้คงไม่มีจุดไหนต้องแก้ไขกันอีกแล้วกระมัง เพราะแค่ส.ว.ลากตั้ง 250 คนที่คสช.จะเป็นผู้เลือกทั้งหมด คือคำตอบสุดท้ายที่ผู้มีอำนาจต้องการเป็นการสมใจแป๊ะหลังจากที่เรือแป๊ะลำแรกที่มีนายท้ายชื่อ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ทำเรือล่มปากอ่าวเป็นเหตุให้ทั้งคนยกร่างและสภาปฏิรูปแห่งชาติมีอันเป็นไปทั้งคู่
เมื่อพิจารณาดูร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ภายใต้การนำของโคตรเซียนเนติบริกรมีชัยแล้ว โหงวเฮ้งดูดีมีราศีกว่าเยอะ หากทุกอย่างผ่านด่านไปจนถึงขั้นการทำประชามติคงจะไม่มีปัญหา เพราะคณะรัฏฐาธิปัตย์จะจัดการทุกอย่างให้สงบราบคาบ พร้อมๆ กับสร้างบรรยากาศให้ทุกคนอยากก้าวไปสู่การเลือกตั้งในปี 2560 ซึ่งไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นเงื่อนไขบังคับแต่เป็นจังหวะที่ไทยจะต้องมีประชาธิปไตยตามสัญญาประชาคมโลก
ความเข้มงวดดังว่าเห็นได้จากการเชิญ วรชัย เหมะ และ วัฒนา เมืองสุข ไปปรับทัศนคติตามหลักสูตรที่ชงขึ้นมาเป็นการเฉพาะตามที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณยืนยันไว้วันก่อนจะมีระยะเวลา 3-7 วัน มากไปกว่านั้นการที่ฝ่ายทหารดำเนินคดีกับป้าวันคนที่ได้รับแจกขันน้ำสงกรานต์ที่มี ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแจกให้ที่เชียงใหม่ด้วยข้อหาเป็นภัยกับความมั่นคงเป็นภาพสะท้อนได้อย่างชัดเจน
ตามมาด้วยการขู่สำทับของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บอกว่าความจริงจับขังคุกก็ยังได้ การเรียกไปปรับทัศนคติถือว่าเป็นความปรานีอย่างยิ่งแล้ว ด้วยบรรยากาศเช่นนี้แล้วคิดว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับมีชัยจะไม่ผ่านประชามติได้อย่างไร ส่วนที่พรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ออกมาทักท้วงเรื่องถ้าร่างไม่ผ่านประชามติจะใช้ฉบับไหนมาบังคับใช้นั้นบอกได้คำเดียวว่า “แค่ลีลา”
อย่างที่ประชาชนรับรู้กันมาตลอดก่อนเกิดเหตุรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 พรรคการเมืองและนักการเมืองกลุ่มไหนจงใจให้ประเทศเดินเข้าสู่ภาวะวิกฤติเพื่อเป็นการโบกมือดักกวักมือเรียกให้ท็อปบู๊ตออกมายึดอำนาจ นับตั้งแต่ปี 2549 มาจนถึงวันนี้ถ้าเดินกันตามกติกาประชาธิปไตย จะชั่วจะเลวอย่างไรต้องให้การเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน ป่านนี้คงได้เป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาลที่สง่างามไปแล้ว
แต่เมื่อเลือกที่จะใช้หนทางอันเป็นสูตรสำเร็จคืออิงแอบกับอำนาจนอกระบบ การจบด้วยวิธีฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยแล้วให้คณะยึดอำนาจเพื่อหวังว่าจะได้กฎหมายสูงสุดที่เป็นประชาธิปไตยสากล คงมีแต่ในฝันเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ทางที่ดีของพรรคการเมืองใหญ่บางแห่งจึงต้องเล่นละครตบตาประชาชน แต่เบื้องหลังกลับต่อรองเพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์
หน้าตาของร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ว่าจะจบลงอย่างไร ไม่ว่าข้อเสนอของคสช.จะได้รับการตอบสนองขนาดไหน บทสรุปที่ จาตุรนต์ ฉายแสง เขียนไว้วันก่อนน่าจะฉายภาพได้ชัดเจนพอสมควร กล่าวคือ การให้มีส.ว.ลากตั้ง 250 เสียง พรรคการเมืองที่มีเสียงสนับสนุนมากที่สุดอาจจะมีส.ส.เพียงหนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกรัฐสภาทั้งหมด การตั้งรัฐบาลจะเป็นไปได้ยากมาก
ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคสช. จะมีอำนาจมาก ทั้งกำกับยุทธศาสตร์ป้องกันการแก้รัฐธรรมนูญและสามารถชี้เป็นชี้ตายรัฐบาลได้คนนอกเป็นนายกฯได้โดยไม่ต้องขอความร่วมมือจากพรรคการเมือง คสช.ซึ่งมีส.ว. 250 คนในมือจะเป็นผู้ตั้งรัฐบาล โดยพรรคการเมืองต้องวิ่งเข้าหา ผู้นำคสช.จะเป็นนายกฯเองหรือให้คนนอกคนอื่นเป็นแทนก็ได้
ดังนั้น ความแตกต่างที่สำคัญจึงอยู่ที่ร่างของกรธ. พรรคการเมืองอาจตั้งรัฐบาลกันไปก่อนได้ แต่จะทำอะไรไม่ได้และถูกล้มไปในเวลาอันสั้น ตามด้วยการมีรัฐบาลคนนอก ส่วนข้อเสนอของคสช.นั้นต้องการให้คนนอกที่คสช.กำหนดสามารถเป็นนายกฯได้ทันทีหลังการเลือกตั้งและมีหลักประกันว่าจะอยู่ในอำนาจต่อไปอีกอย่างน้อย 8 ปีนอกนั้นไม่ต่างกันและยังส่งเสริมกันด้วย
ร่างของกรธ.นั้นไม่เป็นประชาธิปไตย การเลือกตั้งไร้ความหมาย รัฐบาลตอบสนองความต้องการของประชาชนไม่ได้ จะเกิดเป็นวิกฤติที่ไม่มีทางออก ส่วนข้อเสนอของคสช.นั้นเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก การพบกันครึ่งทางหรือค่อนทางระหว่างร่างของกรธ.กับข้อเสนอของคสช.จึงไม่มีทางที่จะเกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมาได้ เหมือนการจับเอาไดโนเสาร์มาผสมกับเต่าล้านปี จะเกิดอะไรที่ทันสมัยย่อมเป็นไปไม่ได้เลย
สิ่งสำคัญที่ต้องไม่ลืมก็คือ ช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีกับอำนาจพิเศษ ไม่ได้มีแค่ส.ว.ลากตั้งมาให้เท่านั้น แต่ยังมีองค์กรอิสระที่เหมือนองค์กรเทวดา คอยควบคุมอีกชั้นหนึ่ง ทั้งหมดเพื่อให้รัฐบาลเลือกตั้งกระดิกไม่ได้ ยิ่งการให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพนั่งเป็นส.ว.สรรหาโดยตำแหน่งอีก เท่ากับเป็นการรัฐประหารโดยรัฐธรรมนูญไปแล้ว ซึ่งตรงนี้แหละที่จะตรงกับสิ่งที่พรรคการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ได้สร้างวาทกรรมมาเนิ่นนานนั่นก็คือ “เผด็จการรัฐสภา” ตัวจริงเสียงจริง
สิ่งที่เป็นความพยายามทั้งหมดจะเป็นบทสรุปของความจริงที่ว่า การร่างรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้น แท้ที่จริงแล้วก็มีแค่เปลือกคือการเลือกตั้งเพื่อให้ต่างประเทศเห็นว่าทุกอย่างได้ทำตามคำสัญญา แต่เมื่อพิจารณาจากเนื้อหาเนื้อในโดยถ่องแท้แล้ว หาได้เป็นประชาธิปไตยไม่ แต่ด้วยภาวะอดอยากปากแห้งมานานนักการเมืองจึงต้องยอมสยบเพื่อให้มีตำแหน่งแห่งหน หวังเพียงอานิสงส์เล็กๆ น้อยๆ ที่พอจะหล่อเลี้ยงไม่ให้อดตายได้
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นกระบวนการเคลื่อนไหวเพื่อจะนำไปสู่การไม่รับร่างรัฐธรรมนูญของฝ่ายต่อต้านจะเคลื่อนกันอย่างไร บางทีสิ่งที่ จตุพร พรหมพันธุ์ยกเอาควายอุดรธานีที่ไม่ยอมกินหญ้าจากมือผู้มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดมาเป็นตัวอย่าง น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ขนาดควายแท้ๆ ยังไม่ยอมกินหญ้าที่สรรหามาให้ แล้วคนที่ชอบด่าสัตว์ประเภทนี้ว่าโง่เหมือนควาย จะยอมถูกสนตะพายให้จูงจมูกอย่างนั้นหรือ