ประชาธิปไตยในบัญชาทายท้าวิชามาร

ทหารตำรวจจับชาวเชียงใหม่โพสต์ภาพ “ขันแดง” ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ขึ้นศาลทหารฐานเป็นภัยความมั่นคง ต้อนรับวัน กรธ.แถลงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค” ขณะที่ คสช. “อัพหลักสูตร” ปรับทัศนคตินักการเมือง 3-7 วัน ทั้งที่ให้สัญญากลับสู่เลือกตั้ง กำลังจะทำประชามติรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว


ใบตองแห้ง

 

ทหารตำรวจจับชาวเชียงใหม่โพสต์ภาพ “ขันแดง” ยิ่งลักษณ์ ทักษิณ ขึ้นศาลทหารฐานเป็นภัยความมั่นคง ต้อนรับวัน กรธ.แถลงร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งบัญญัติ “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาค” ขณะที่ คสช. “อัพหลักสูตร” ปรับทัศนคตินักการเมือง 3-7 วัน ทั้งที่ให้สัญญากลับสู่เลือกตั้ง กำลังจะทำประชามติรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว

เราจะทำประชามติอย่างไร ทำภายใต้บรรยากาศที่ห้ามปริปากวิพากษ์วิจารณ์? คสช.ใช้ ม.44 กกต.ห้ามจัดเวที แล้วจะทำประชามติไปทำไม ทำให้คนติดคุกติดตะรางเปล่าๆ ถ้าอยากให้รัฐธรรมนูญผ่าน ก็ประกาศใช้ไปเลยดีกว่า

ทำประชามติแต่ไม่เปิดให้มีเสรีภาพ ไม่ต่างอะไรกับมีรัฐธรรมนูญ มีเลือกตั้ง แต่ไม่มีประชาธิปไตย ลำพังร่างรัฐธรรมนูญมีชัยก็ไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่แล้ว กีดกันอำนาจที่ประชาชนเลือกตั้ง เพิ่มอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ถอดถอนตัดสิทธินักการเมือง โดยยังไม่ทันทำผิดกฎหมาย แค่ศาลเห็นว่า “ผิดจริยธรรม” ก็ตกเก้าอี้ทันใด

พูดง่ายๆ คือระบอบสถาปนาอำนาจ elite ผู้ลากมากดี ที่อ้างตัวว่ามีศีลธรรมมีการศึกษาเหนือชาวบ้านทั่วไป ให้เข้าสู่อำนาจด้วยระบบอุปถัมภ์ เข้าไปเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ กรรมการองค์กรอิสระ แล้วมีอำนาจเหนือทุกองค์กร เหนืออธิปไตยของปวงชน เหนือนิติรัฐ แต่อ้างกฎหมาย กำจัดอำนาจที่จะเป็นภัยต่อคนชั้นนำ

ขนาดนั้นร่างรัฐธรรมนูญมีชัยก็ยังไม่สมใจ คสช. ซึ่งไม่ต้องการให้มีช่องทางแม้แต่น้อย ที่อำนาจจากเลือกตั้งอาจกลับมาเป็นภัย จึงขอให้มีบทเฉพาะกาล วุฒิสภา 5 ปีมาจากเลือกตั้งโดยมีที่นั่งให้ ผบ.เหล่าทัพ พร้อมกับโอกาสที่จะมีนายกฯ คนนอกง่ายขึ้น แม้ กรธ.ยังไม่ยอมให้อำนาจวุฒิสภาลงมติไม่ไว้วางใจรัฐบาล (แต่ใครจะรู้ได้ สนช.ยังสามารถตั้งคำถามประชามติเพิ่มเติม บางคนอยากให้วุฒิสมาชิกแต่งตั้งโหวตเลือกนายกฯ ได้ด้วยซ้ำ)

เราอยู่ในสถานการณ์อะไร เห็นชัดว่านี่คือสภาวะที่กลุ่มอำนาจนำในสังคมไทยหวาดกลัวความเปลี่ยนแปลงและ “เปลี่ยนผ่าน” กลัวจนกระทั่งปิดกั้นทุกสิ่งอย่าง หวังว่าการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจะสามารถควบคุมสังคมได้ ทั้งที่อีกใจก็รู้ว่าไม่จริง แถมยิ่งใช้อำนาจมากยิ่งหวาดกลัว ยิ่งลงไม่ได้ กลัวหมดอำนาจเมื่อไหร่จะถูกลบล้าง ถูกเอาคืน ก็ยิ่งใช้อำนาจมากขึ้นๆ และเสี่ยงถูกเอาคืนยิ่งขึ้น เพราะยิ่งกระทบคนอื่นมากไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่นักการเมือง

ผู้มีอำนาจอาจ “โชคดี” ที่สังคมไทยวันนี้มาไกลกว่า 40 ปีที่แล้ว แม้อาจมีทั้งข้อดีข้อเสีย ด้านหนึ่งคนไทยอาจมีสติปัญญา มีเหตุผลมากขึ้น ตระหนักว่าประชาธิปไตยไม่สามารถได้มาด้วยความรุนแรง หรืออีกด้านหนึ่งคนไทยอาจสนใจเรื่องทางสังคมน้อยลง บ้าดารา บ้าเกาหลี ฯลฯ ทำมาหากินดีกว่า เพื่อเสพสุขบริโภค ไม่ว่าอย่างไร ผลที่ออกมาคือสังคมไทยยังอดทน หรือไม่งั้นก็มึนงง ไม่รู้จะทำอย่างไรกับการใช้อำนาจที่เหมือนโผล่มาจาก 40-50 ปีที่แล้ว

แต่ภาวะอย่างนี้ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันหรอกนะครับว่าจะใช้อำนาจเบ็ดเสร็จต่อไปได้อีกนาน หรือใช้อำนาจมากขึ้นๆ ทั้งที่อยู่ในช่วงควรจะผ่อนคลาย ควรจะค่อยๆ ถอยลงจากหลังเสือ

วันนี้เราอาจตอบไม่ได้ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้น การใช้อำนาจอย่างนี้ไปอีกปีกว่า กับคงอำนาจบางส่วนอีก 5 ปี เพียงเพราะ “กลัวความเปลี่ยนแปลง” จะสะดุดตรงไหนก็ไม่ทราบ แต่ถ้าสะดุดเมื่อไหร่ ก็อาจแหลกลาญไม่เหลืออะไรเลย

 

Back to top button