LHBANK ร่วง 2.48% หลังแบงก์ใหญ่จากไต้หวันฮุบหุ้นกว่า 35%
LHBANK ร่วง 2.48% หลังแบงก์ใหญ่จากไต้หวันฮุบหุ้นกว่า 35% ล่าสุด ณ เวลา 10.16 น. ราคาอยู่ที่ 1.97 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 2.48% สูงสุดที่ 2 บาท ต่ำสุดที่ 1.96 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 272.11 ล้านบาท ด้าน บล.โกลเบล็ก แนะ "ซื้อเก็งกำไร" หุ้น LHBANK ราคาเหมาะสม 2.40 บาท มองผลการดำเนินงานปีนี้มีโอกาสเติบโตสูงจากการมีพันธมิตรที่เข้ามาช่วยเสริมธุรกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHBANK ณ เวลา 10.16น. ราคาอยู่ที่ 1.97 บาท ลบ 0.05 บาท หรือ 2.48% สูงสุดที่ 2 บาท ต่ำสุดที่ 1.96 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 272.11ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.64%
บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ (30 มี.ค.) แนะ “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น LHBANK ราคาเหมาะสม 2.40 บาท สำหรับปี 59 ผลการดำเนินงานปี 59 มีโอกาสเติบโตสูงต่อไปจากการมีพันธมิตรที่เข้ามาช่วยเสริมธุรกิจ Trade Finance และ Digital Marketing ราคาเหมาะสมซึ่งอิง P/BV ที่ระดับ 1.4 เท่าและ Ke ที่ 7.2% ได้เท่ากับ 2.40 บาท ยังมี upside จากราคาปิดล่าสุด อย่างไรก็ดี แม้ราคาหุ้นสูงสุดในอดีตเคยไปไกลถึง 2.28 บาท แต่ว่าตั้งแต่ไตรมาส 3/59 คาดจะมี % free float ลดลงจากระดับ 26%
โดย LHBANK ได้ทำสัญญาจองซื้อหุ้นกับ CTBC Bank ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ CTBC Financial Holding กลุ่มการเงินขนาดใหญ่จากไต้หวันมีสินทรัพย์ขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 1 CTBC Bank มีเครือข่ายและตัวแทน 106 แห่งครอบคลุมในกว่า 14 ประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ญี่ปุ่น อินเดีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน
ทั้งนี้ LHBANK จะออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด (Private placement) จำนวน 7,545 ล้านหุ้นราคาหุ้นละ 2.20 บาทคิดเป็นมูลค่า 16,599 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ CTBC Bank ถือหุ้น 35.6% และ LH และ QH ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่จะมีสัดส่วนถือหุ้นลดลงเหลือ 21.9% และ 13.7% ตามลำดับหลังดีลเสร็จสิ้นในราว 3Q59 ทั้งนี้ ดีลดังกล่าวต้องได้รับอนุมัติจากธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารชาติไต้หวัน โดยจะขอผ่อนผันในการไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (tender offer)
ขณะที่เชื่อว่าการเติบโตของธนาคารหลังควบรวมมีโอกาสกลับไปใกล้เคียงกับปี 58 ซึ่งเป็นการเติบโตที่สูงกว่าแผนธุรกิจเมื่อต้นปีก่อนมีพันธมิตร โดยคาดจะเห็นการเติบโตของสินเชื่อราว 17% ใกล้เคียงกับปี 58 ที่เติบโต 16.8% (เป้า 10-15%) จากแผนขยายสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อ SME เพื่อเพิ่มผลตอบแทนของพอร์ต คาดรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิมีโอกาสโต 50% สูงกว่าเป้าที่ 30% เทียบกับปี 58 ที่เติบโต 57.6% ฝ่ายวิจัยประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ว่าจะเติบโต 35% เป็น 2.3 พันล้านบาท อย่างไรก็ดี จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่เพิ่มขึ้น 55% ทำให้มี EPS growth ติดลบ 10% และคาด ROE จะลดลงจาก 9.6% ในปี 58 เหลือ 8.5% ในปี 59
นอกจากนี้การมีพันธมิตรทำให้ฐานะเงินกองทุนของธนาคารแข็งแกร่งขึ้นโดยจะทำให้อัตราส่วนเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier I) เพิ่มเป็น 21.3% จากระดับ 10.18% ณ ปลายปี 58 ซึ่งรองรับการปล่อยสินเชื่อในอนาคตที่มีแนวโน้มเติบโตสูง
ขณะเดียวกัน บล. ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ (30 มี.ค.) โดยมองว่า LHBANK มี CTBC Bank เข้ามาเป็นพันธมิตร โดย LHBANK จะออกหุ้นสามัญขาย PP ให้กับ CTBC จำนวน 7,545 ล้านหุ้น ราคา 2.20 บาท/หุ้น แต่ดีลอาจเปลี่ยนแปลงหลังทำ Due Diligence แล้วมีผลลบอย่างมีนัยสำคัญที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและสถานะการเงินของบริษัท โดยเมื่อดีลสำเร็จ CTBC จะถือหุ้น 35.6% และสัดส่วนการถือหุ้นของ LH และ QH จะลดลงเป็น 21.9% และ 13.7% ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าดีลจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3/59
ด้านฐานทุนของ LHBANK แข็งแกร่งขึ้นหลังเพิ่มทุน การเพิ่มทุนครั้งนี้จะทำให้ฐานเงินทุนของ LHBANK เพิ่มเป็น 32,000 ล้านบาท โดย Tier-1 สูงถึง 21.3% ซึ่งจะช่วยหนุนให้ธนาคารขยายธุรกิจและเติบโตได้มากขึ้น
ทั้งนี้แม้ว่าดีลจะสำเร็จเพราะต้องผ่านการทำ Due Diligence ให้เรียบร้อยก่อน แต่ราคาหุ้น LHBANK มีโอกาสที่จะปรับขึ้นไปใกล้ราคาซื้อขายที่ 2.20 บาทในระยะสั้น แนะนำซื้อเก็งกำไร โดยให้ราคาเป้าหมายระยะสั้นไว้ที่ 2.20 บาท (เท่ากับราคาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ CTBC)