เช็คสถิติหุ้นเดือนเม.ย.ย้อนหลัง 10 ปีชู 15 หุ้นเด่นให้ผลตอบแทนสูง 2-9%

เช็คสถิติหุ้นเดือนเม.ย.ย้อนหลัง 10 ปี ชู 15 หุ้นเด่นให้ผลตอบแทนสูง 2-9%


บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัดระบุในบทวิเคราะห์ (31 มี.ค.) ในเดือน เม.ย. ตลาดหุ้นไทยมักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ยราว 3.5% ด้วยความน่าจะเป็นถึง 90% โดยกลุ่มที่สามารถ outperform ได้มากกว่าตลาด ที่โดดเด่นคือ กลุ่มอสังหาฯ และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ที่ให้ผลตอบแทนในเดือน เม.ย. ที่น่าพอใจ

กลุ่มอสังหาฯ มักปรับขึ้นในเดือน เม.ย. ด้วยโอกาสสูงถึง 8 ใน 10 ปีหลังสุด ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3.7% โดยในส่วนของผู้พัฒนาที่อยู่อาศัยนั้นพบว่า PF ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 7.7%  ด้วยความน่าจะเป็นกว่า 80% ตามด้วย PS ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.2% แต่ความน่าจะเป็นน้อยราว 60% ส่วนบริษัทอื่นๆ ได้แก่ RML ผลตอบแทนเฉลี่ย 7% ด้วยความน่าจะเป็นราว 70%, BLAND ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.8%  ด้วยความน่าจะเป็น 80%, AP ผลตอบแทนเฉลี่ย 6.8% ความน่าจะเป็น 60%, SIRI ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.2% ความน่าจะเป็น 70%, LPN ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.9% ความน่าจะเป็น 70%, LH ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.6% ความน่าจะเป็น 60% และ SPALI ผลตอบแทนเฉลี่ย 2% ความน่าจะเป็น 60%

ทั้งนี้คาดว่าปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัยนั้น น่าจะมาจากผลการดำเนินงานงวด 1Q59 จะเติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจะเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่จะหมดอายุลงในวันที่ 28 เม.ย. 2559 (ปัจจุบันยังไม่ชัดเจนว่ารัฐบาลจะพิจารณาต่ออายุมาตรการหรือไม่) ทำให้ผู้พัฒนาฯ มีการกระตุ้นยอดขาย และเร่งการโอนฯ มากขึ้น

กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ปรับขึ้นในเดือน เม.ย. ด้วยโอกาสสูงถึง 8 ใน 10 ปีเช่นกัน ด้วยผลตอบแทนเฉลี่ยราว 3.5% หุ้นที่มักให้ผลตอบแทนดีในเดือน เม.ย. ได้แก่ TASCO ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 9.3% ด้วยความน่าจะเป็นราว 60% ส่วน VNG ก็ให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน คือ 5.7% ด้วยความน่าจะเป็น 70% ตามด้วย DCC ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 4.3%  ด้วยความน่าจะเป็นกว่า 60%, TPIPL ผลตอบแทนเฉลี่ยราว 4% ด้วยความน่าจะเป็น 70%, DRT ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 3.9%  ด้วยความน่าจะเป็น 80% ส่วน SCC ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 3.4%  แต่ด้วยความน่าจะเป็นน้อยกว่า คือ 60% 

แนวโน้มของกลุ่มวัสดุก่อสร้างในช่วง 1H59 น่าจะฟื้นตัวเล็กน้อยจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีแรงขับเคลื่อนเดียวจากการลงทุนภาครัฐที่เติบโต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในโครงการขนาดเล็ก แต่เชื่อว่าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐที่จะทยอยออกมาตั้งแต่ช่วง 2Q59 เป็นต้นไป น่าจะทำให้แนวโน้มผลประกอบการใน 2H59 มีทิศทางที่ดีขึ้น

Back to top button