UBIS ดีกว่าเก่า
สถานการณ์ราคาหุ้นบนกระดานของ UBIS เริ่มมีทิศทางที่สดใสขึ้น ด้วยวอลุ่มการซื้อขายมีเข้ามาหนาแน่นขึ้นเป็นระยะๆ โดยได้เห็นความหวือหวาชัดเจนขึ้นมานับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ก่อนหน้าราคาหุ้นเงียบเหงาซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เท่านั้น พร้อมกับวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง
–คุณค่าบริษัท–
สถานการณ์ราคาหุ้นบนกระดานของ บริษัท ยูบิส (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ UBIS เริ่มมีทิศทางที่สดใสขึ้น ด้วยวอลุ่มการซื้อขายมีเข้ามาหนาแน่นขึ้นเป็นระยะๆ โดยได้เห็นความหวือหวาชัดเจนขึ้นมานับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 จนถึงปัจจุบัน ทั้งที่ก่อนหน้าราคาหุ้นเงียบเหงาซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบๆ เท่านั้น พร้อมกับวอลุ่มการซื้อขายที่เบาบาง
นี่เป็นเพราะนักลงทุนได้รู้จักตัวบริษัทมากขึ้น โดยเฉพาะบริษัทมักเข้ามาติดติดอยู่ในอันบริษัทที่มีกำไรยอดเยี่ยมในกลุ่มตลาด mai
โดยความสามารถด้านการทำกำไรของบริษัท ดูได้จากในปี 2555 จนถึงปัจจุบัน สำหรับปี 2555 บริษัทมีกำไรสุทธิ 74.79 ล้านบาท ต่อมาในปี 2556 บริษัทมีกำไรสุทธิ 87.08 ล้านบาท และในปี 2557 บริษัทมีกำไรสุทธิ 82.44 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นจุดแข็งที่ดีทางหุ้นพื้นฐาน ค่อยตอบโจทย์สำหรับนักลงทุน VI ที่ชอบถือยาวในหุ้นขนาดเล็ก เพราะถ้าหุ้นมีกำไรมักจะมีปันผลเกิดขึ้น
ขณะที่ผลการดำเนินงานสำหรับปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 บริษัทโชว์ผลงานได้อย่างสุดติ่งจริงๆ โดยเฉพาะกำไรที่โตก้าวกระโดดมาอยู่ที่ 145.15 ล้านบาท หรือ 0.64 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อน 85.45 ล้านบาท หรือ 0.37 บาทต่อหุ้น เหตุจากกำไรขั้นต้นมาจาการบริหารสินค้าและการควบคุมประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้น อีกทั้งบริษัทและบริษัทย่อยรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นมา 35.53 ล้านบาท
เมื่อพิจารณาฐานะทางการเงินเพื่อเป็นตัวแปลในการตัดสินใจต่อการลงทุนก็พบว่า ฐานะทางการเงินยังดูดี เนื่องจากบริษัทยังมีสินทรัพย์หมุนเวียน 362.36 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับหนี้สินหมุนเวียน 351.46 ล้านบาท ได้ค่า CURRENT RATIO อยู่ที่ระดับ 1.04 เท่า แสดงว่า บริษัทยังคงมีสภาพคล่องทางการเงินอยู่
ส่วนปัญหาหนี้สินของบริษัทยังน่าเป็นห่วง แม้ว่าบริษัทมีหนี้สินรวม 474.01 ล้านบาท เมื่อนำมาเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น 425.69 ล้านบาท ได้ค่า D/E อยู่ที่ระดับ 1.12 เท่า ถือว่า ปัญหาหนี้สินของบริษัทรับได้อยู่ เพราะบริษัททำกำไรมาตลอด อย่างไรก็ตามผู้บริหารนำเงินมาใช้ในการชำระหนี้คืน 50-60 ล้านบาท เพื่อที่จะลดระดับอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เหลือ 0.8 เท่า
ส่วนในปี 2559 ผู้บริหารคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 145 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตตามรายได้ที่คาดว่าจะทะลุ 1,000 ล้านบาท หรือเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 875 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทจะเน้นการขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น ทั้งในจีน ยุโรป และอเมริกาใต้ ขณะเดียวกันจะออกบรรจุภัณฑ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์อาหาร
ทั้งนี้ บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 100 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขยายกิจการในจีนราว 50 ล้านบาท เพื่อที่จะลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และส่วนที่เหลือใช้ในการปรับปรุงเครื่องจักร และพัฒนาระบบการวิจัยและพัฒนา (R&D)
ดังนั้น UBIS ในอนาคตสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นอีก จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ 60%
…
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่
1.นายพิชัย สถาวรมณี 18,120,000 หุ้น 7.95%
2.นายสวัสดิ์ ทั่งวัฒโนทัย 14,050,850 หุ้น 6.16%
3.นายวีรโชติ พรสมหมาย 13,430,500 หุ้น 5.89%
4.นายวีระพงษ์ รัตนประภาต 10,270,000 หุ้น 4.50%
5.นายศิริศักดิ์ ปิยทัสสีกุล 10,000,000 หุ้น 4.39%
รายชื่อกรรมการ
1.นาย ฉัฐภูมิ ขันติวิริยะ ประธานกรรมการบริษัท
2.นาย ฉัฐภูมิ ขันติวิริยะ ประธานกรรมการบริหาร
3.นาย ณวรรธน์ ตริยพงศ์พัฒนา กรรมการผู้จัดการ
4.นาย ณวรรธน์ ตริยพงศ์พัฒนา กรรมการ
5.นาย สว่าง ทั่งวัฒโนทัย กรรมการ