พาราสาวะถี อรชุน

ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องแท้ๆ กรณีขันแดงทักษิณ ชินวัตร ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าคนแดนไกลจะมีคดีความติดตัวหรือไม่ สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ในเมื่อมันเป็นแค่ขันน้ำที่ทำแจกกันในช่วงสงกรานต์ หากปล่อยให้แจกไปจะเป็นข่าวโด่งดังอะไรหรือ พอฝ่ายความมั่นคงตีความเป็นอันตราย มันจึงไปกันใหญ่ คราวปฏิทินปีใหม่ก็หนหนึ่งแล้ว


ทำเรื่องไม่เป็นเรื่องให้เป็นเรื่องแท้ๆ กรณีขันแดงทักษิณ ชินวัตร ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าคนแดนไกลจะมีคดีความติดตัวหรือไม่ สิ่งที่หลายคนสงสัยคือ ในเมื่อมันเป็นแค่ขันน้ำที่ทำแจกกันในช่วงสงกรานต์ หากปล่อยให้แจกไปจะเป็นข่าวโด่งดังอะไรหรือ พอฝ่ายความมั่นคงตีความเป็นอันตราย มันจึงไปกันใหญ่ คราวปฏิทินปีใหม่ก็หนหนึ่งแล้ว

ไม่มีใครเถียงเรื่องอำนาจเด็ดขาดที่ท่านมี แต่วิธีการที่ใช้คนส่วนใหญ่เห็นด้วยหรือเปล่านั่นอีกเรื่อง หากจะมีใครค่อนขอดว่านักรบขันแดงก็อย่าไปโกรธเขา เพราะหากงานหลักของฝ่ายความมั่นคงทำได้เท่านี้ต้องบอกได้คำเดียวว่าเสียหาย หากเชื่อว่าการยึดขันหรือปฏิทินแล้วทำให้คนที่ชื่นชอบทักษิณจะลืมอดีตนายกฯได้ ก็ขอให้คิดและทำอย่างนี้ต่อไปตามที่สบายใจแล้วกัน

หากยังไม่เห็นภาพว่าวิธีการที่ทำไม่มีความหมาย ก็ขอให้ย้อนกลับไปดูรายการเดินหน้าประเทศไทย ที่มีรายการกรอกหูประชาชนทุกวันหลัง 6 โมงเย็น ประสบความสำเร็จหรือไม่ คำตอบมีอยู่ในตัวแล้วกับการเตรียมปรับรูปแบบรายการ เพราะมันไร้เรตติ้ง เป็นช่วงเวลาประหยัดไฟของคนไทย เช่นเดียวกับรายการคืนความสุขให้คนในชาติของท่านผู้นำที่ยึดเวลาช่วงไพร์มไทม์แท้ๆ ยังมีคนดูน้อย จน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงความไม่พอใจมาหลายครั้งหลายหน

ต่อให้ยกเหล่าทหารสื่อสารมาทุกกองทัพ ก็คงไม่สามารถสร้างเรตติ้งให้พุ่งกระฉูดได้ เพราะการสื่อสารที่ท่านใช้เป็นการสื่อสารแบบยัดเยียด เป้าหมายเพื่อให้คนดูเชื่อฝ่ายเดียว เนื้อหาสาระมันจึงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย นี่หากไม่มีกฎหมายพิเศษค้ำคออยู่ เชื่อได้เลยว่าจะมีคนกลุ่มหนึ่งออกมาเคลื่อนไหวแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน เพราะรู้สึกสงสารทรัพยากรสื่อของประเทศที่ต้องเสียไปโดยเปล่าประโยชน์

กรณีขันแดง อุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย น่าจะให้ทัศนะใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด รู้สึกแปลกใจที่รัฐบาลและคสช.ให้ความสำคัญกับเรื่องของการแจกจ่ายขันสีแดง จนทำให้เป็นที่สนใจไปในวงกว้าง เปรียบเหมือนปี่กลองฆ้องระฆังที่อยู่เฉยๆ ก็ไม่มีเสียง แต่คสช.กลับมาหยิบมาเป่าเอาไม้ไปตีให้เสียงดังขึ้น ทั้งๆ ที่ควรจะปล่อยผ่านไป

ความรู้สึกของอุเทนก็คงเหมือนคนทั่วไปที่ไม่ได้เลือกฝักเลือกฝ่ายคือ อยากขอให้ท่านผู้มีอำนาจมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาบ้านเมือง โดยเฉพาะเรื่องน้ำแล้งและปากท้องของประชาชน มากกว่าที่จะไปให้ความสำคัญกับเรื่องที่ไร้สาระอันจะนำไปสู่ความขัดแย้งในสังคม เหมือนอย่างที่หลายฝ่ายย้ำเตือนมาโดยตลอด ผู้ปกครองหากต้องการแก้ปัญหาความขัดแย้งต้องไม่นำพาตัวเองไปเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง

มาจนถึงนาทีนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ผู้มีอำนาจแม้จะประกาศชัดเรื่องกำหนดการเลือกตั้งในปี 2560 แต่แนวทางยังคงต้องการสืบทอดอำนาจต่อไป คำถามพ่วงประชามติของสปท.คือคำตอบที่ชัดเจน ล่าสุดยังสำทับด้วยบทสัมภาษณ์ของ พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.ที่เห็นดีเห็นงามกับคำถามดังกล่าวด้วยความเห็นที่ว่าตรงประเด็นและถูกต้องที่สุด

ในเมื่อจะเดินกันในแนวนี้ ถ้าเช่นนั้นคสช.ก็ควรที่จะประกาศใช้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาหรืองบประมาณในการทำประชามติอีก การหวังเพียงว่าเสียงของประชาชนจะเป็นความชอบธรรมเพื่อให้ตัวเองอยู่ในอำนาจต่อไปไม่มีประโยชน์ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ไม่เคยฟังใครอยู่แล้ว

ถ้าจะพูดให้เป็นหลักการกล่าวสำหรับคำถามของสปท.นั้น คำถามเช่นนี้จะเกิดผลกระทบต่อการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ เพราะขณะนี้ประชาชนมีร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์อยู่ในมือแล้ว หากมีคำถามนี้พ่วงเข้าไปอาจจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ จากที่ประชาชนจะเห็นชอบ พอถามพ่วงเข้าไปจึงไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญก็เป็นได้

แต่ก็อีกนั่นแหละ การขยับของสปท.ในลักษณะเช่นนี้ตีความได้ 2 ทางคือ หนึ่งเป็นเพราะมีสัญญาณมาจากผู้มีอำนาจที่มั่นใจว่าอย่างไรเสียร่างรัฐธรรมนูญจะต้องผ่านประชามติแน่นอน จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม หรืออีกประการเป็นการสอพลอเอาใจ พูดง่ายๆ ก็คือหวังผลที่ตัวเองจะได้กลับมาในโควตาส.ว.ลากตั้งเหมือนการถูกหวยรัฐประหารทุกครั้งนั่นเอง

ด้วยเหตุเช่นนี้นี่แหละที่ทำให้ นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ถึงกับออกมาจวก วันชัย สอนศิริ คนชงคำถามพ่วงด้วยถ้อยคำรุนแรงถึงขั้นบอกว่าเป็น “หมาจนตรอก” ก่อนจะตั้งคำถามตามมาว่า ไม่อายลูกเมียบ้างหรือ ความเห็นแบบนี้ยิ่งกว่าขายตัว ขายจิตวิญญาณของนักประชาธิปไตย นักกฎหมาย บุคลิกของวันชัยก่อนกับหลังมีอำนาจเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนชัดเจน

ก่อนที่นิพิฏฐ์จะอนุมานว่า คนอย่างวันชัยใช้ไม่ได้ เป็นอันตรายต่อสังคม อันตรายต่อผู้มีอำนาจ ให้พึงระวังไว้ มีคนเคยพลาดหล่นอำนาจอย่างเจ็บปวดเพราะพวกเชลียร์แบบนี้มานักต่อนักแล้ว ประเด็นหลังนี้น่าสนใจ หากย้อนไปในอดีตผู้มีอำนาจมักจะตกม้าตายเพราะการเหลิงอำนาจ ซึ่งคงไม่ใช่เฉพาะพวกที่มาจากการยึดอำนาจ แม้แต่ผู้นำจากการเลือกตั้งก็เป็น เรื่องนี้ทักษิณน่าจะเข้าใจดีกว่าใครเพื่อน

เมื่อพูดถึงพรรคเก่าแก่ก็มีประเด็นที่หลายคนอดสงสัยไม่ได้ ขณะที่แกนนำพรรคหลายคนท้วงติงร่างรัฐธรรมนูญและไม่เห็นด้วยในหลายประเด็น แต่เลขาธิการพรรคอย่าง จุติ ไกรฤกษ์ กลับมองต่างมุมอย่างสุดโต่ง จนถึงขั้นไล่ให้คนไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญไม่ต้องลงเลือกตั้ง พร้อมสนับสนุนให้ผู้มีอำนาจพาไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร

ไม่อยากคิดและไม่อยากเชื่อเหมือนอย่างที่คนเขาพูดกัน ระวังบางพรรคการเมืองที่ชอบเล่นการเมืองสองหน้า ด้านหนึ่งค้านสุดลิ่มทิ่มประตูอีกด้านจะเปิดฉากเจรจาเพื่อหวังได้รับอานิสงส์ในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หากไม่มีภาพในลักษณะเช่นนี้ ทางที่ดี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ควรออกมาประกาศให้ชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ บทเรียนของการแทงกั๊กคือการเป็นฝ่ายค้านดักดานน่าจะเป็นเครื่องเตือนใจที่ดี เว้นเสียแต่ว่ายังทิ้งอำนาจอีแอบที่เคยพึ่งพิงมาโดยตลอดไม่ได้นั่นก็อีกเรื่อง

Back to top button