หุ้นน้ำมันลูบคมตลาดทุน

ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างแรงเมื่อคืนวันศุกร์ล่าสุด


ธนะชัย ณ นคร

 

ราคาน้ำมันที่ดีดตัวขึ้นมาอย่างแรงเมื่อคืนวันศุกร์ล่าสุด

ทั้งสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) และสัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ต่างขยัยเข้ามาแตะ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลอีกครั้ง

และนั่นส่งผลให้หุ่นในกลุ่มน้ำมัน หรือได้ประโยชน์จากน้ำมันปรับตัวขึ้น ต่างกลับมาคึกคักอีกครั้ง

ไม่ว่าจะเป็น หุ้น SPRC หรือ บริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน), TOP หรือ บมจ.ไทยออลย์, IRPC หรือ บมจ.ไออาร์พีซี ที่ต่างจะกำไรจากส่วนต่างของค่าการกลั่นเพิ่ม

และรวมถึง  บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP

ราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 35-40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาหลายอาทิตย์แล้ว

ปัจจัยที่นักลงทุนด้านน้ำมันต่างจับตามองคือ การประชุมของประเทศผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในกลุ่มกลุ่มโอเปก และนอกกลุ่มโอเปก ว่าจะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการจำกัดการผลิตน้ำมันได้หรือไม่

การประชุมครั้งนี้มีขึ้นที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ในวันอาทิตย์ที่ 17 เม.ย.นี้

หรือช่วงสิ้นสุดเทศกาลสงกรานต์ของไทยพอดี

ล่าสุด เริ่มมีรายงานว่า กลุ่มประเทศในโอเปก มีการตกลงกันได้อย่างไม่เป็นทางการแล้วว่า จะปรับกำลังการผลิตน้ำมันกันอย่างไร

และนั่นทำให้ราคาน้ำมันดีดตัวกลับมาอีกครั้ง

เหตุผลของการประชุมดังกล่าวมาจากภาวะอุปทานน้ำมันในตลาดโลกที่กำลังมีปัญหา โดยกำลังการผลิตนย้ำมันดิบอยู่ในภาวะ “ล้นตลาด” หรือมากกว่าความต้องการ

ปัจจุบัน กำลังการผลิตน้ำมันดิบในกลุ่มโอเปกมีอยู่ประมาณ 31-32 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ส่วนนอกลุ่มโอเปกนั้นประมาณ 57-58 ล้านบาร์เรลต่อวัน

แม้ในปี 2559 จะมีการคาดกันว่า ความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปจะมีจำนวนเพิ่มขึ้น จากราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง

ทว่า ก็ยังไม่สามารถมาชดเชยกับกำลังกาสรผลิตน้ำมันดิบที่ยังอยู่ระดับสูงได้

การประชุมครั้งนี้ แม้ว่าล่าสุด ทางประเทศลิเบีย และอิหร่าน จะยังคงยืนยันว่า จะไม่เข้าร่วมประชุมแน่นอน พร้อมกับตั้งเงื่อนไข เช่น ของอิหร่าน ต้องการให้ตนเองมีกำลังการผลิตน้ำมันสู่ระดับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นระดับก่อนที่จะถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจจากชาติตะวันตก

ส่วนปัจจุบัน อิหร่านมีกำลังการผลิตน้ำมันขยับขึ้นมาแล้วที่ 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ขณะที่ประเทศลิเบีย ก็มีเงื่อนไขคล้ายกับของอิหร่าน ที่ต้องการผลิตน้ำมันดิบของตนเองให้ขึ้นมาใกล้ หรือเท่ากับกำลังการผลิตก่อนที่ประเทศจะเกิดสงครามภายใน

แม้ว่าทั้ง 2 ประเทศผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ดังกล่าว จะไม่เข้าร่วมประชุม

แต่ประธานกลุ่มโอเปก ของคูเวต ก็ออกมาระบุล่าสุด พร้อมกับย้ำว่า จะไม่มีผลใดๆ ต่อการประชุมครั้งนี้ และเชื่อว่า ผลของการประชุมจะเกิดประสิทธิภาพแน่นอน

ดังนั้น ราคาน้ำมันดิบต้องขยับขึ้น

อย่างไรก็ดี โกลด์แมน แซคส์ ก็ได้ออกบทวิเคราะห์แบบสวนกลับ เพราะไม่เชื่อว่า ราคาน้ำมันจะขยับขึ้นไปยืนเหนือ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลได้ในปี 2559

โกลด์แมน แซคส์ ยังมองด้วยว่า การประกาศตรึงกำลังการผลิต หรือการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันโอเปก จะไม่มีความยั่งยืน และเชื่อว่า การผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปก จะเพิ่มอีก 6 แสนบาร์เรลในปีนี้

และจะเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนบาร์เรลในปี 2560

หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็เท่ากับว่า ผลของการประชุมในวันที่ 17 เม.ย.นี้อาจบรรลุผลในช่วงสั้นๆ

หรืออาจไม่เป็นผลเลยก็ว่าได้

และนั่นก็จะทำให้ราคาน้ำมันดิบ ยังคงเผชิญกับความผันผวนต่อไป และอาจจะลากยาวไปอีกในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า

ส่วนหุ้นพลังงาน หรือน้ำมัน ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราตลาด หรือมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่สุดในตลาดหุ้นหลายแห่งทั่วโลก และตลาดหุ้นไทยด้วย ก็จะขยับขึ้นๆ ลงๆ ไปแบบนี้

และสร้างความผันผวนกับตลาดหุ้นต่อไปอีก

 

 

 

Back to top button