ดอลล์อ่อนค่าหลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแรง

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบสกุลเงินหลักๆส่วนใหญ่เมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐหลายรายการที่ออกมาเป็นลบ


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (15 เม.ย.) ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1285 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1267 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ดีดขึ้นแตะระดับ 1.4209 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4155 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะ 0.7718 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7702 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 108.71 เยน จากระดับ 109.26 เยน แต่ดีดขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9677 ฟรังก์ จากระดับ 0.9667 ฟรังก์ ขณะที่ปรับตัวลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2839 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2844 ดอลลาร์แคนาดา

สำหรับดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นมาตรวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับเงินสกุลหลักในตะกร้าเงิน ปรับตัวลดลง 0.23% แตะที่ 94.688 ธนาคารกลางสหรัฐรายงานในวันศุกร์ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 0.6% ในเดือนมี.ค. ซึ่งย่ำแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะลดลงเพียง 0.1% ส่วนรายงานเบื้องต้นจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวลดลงในเดือนเม.ย. ที่ระดับ 89.7

อย่างไรก็ตาม เฟด นิวยอร์ก รายงานว่า ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) พุ่งแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2558 หรือในรอบกว่า 1 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากอ่อนค่าของดอลลาร์สหรัฐ ประกอบกับคำสั่งซื้อใหม่และการขนส่งสินค้าปรับตัวขึ้น ทั้งนี้ ดัชนีพุ่งขึ้นสู่ระดับ 9.6 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 0.6 ในเดือนมี.ค.

ขณะที่เมื่อวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และน้อยกว่าที่ปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของราคาอาหาร, เวชภัณฑ์ และที่อยู่อาศัย ถึงแม้ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายปี

การเพิ่มขึ้นต่ำกว่าคาดของดัชนี CPI บ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังคงมีท่าทีระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในวันศุกร์ ไม่ได้เป็นผลมาจากข้อมูลเศรษฐกิจ แต่เป็นการเคลื่อนไหวทางเทคนิคมากกว่า หลังจากที่ดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา

Back to top button