SETบ่ายเคลื่อนไหวในแดนลบต่อ แนะสอย 9 หุ้นราคายัง Laggard

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (22 เม.ย.) ปรับตัวลงเป็นไปตามตลาดหุ้นภูมิภาค ประกอบกับมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มแบงก์ หลังประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ออกมาไม่สดใสนัก แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดดัชนีฯน่าจะยังเคลื่อนไหวในแดนลบต่อ พร้อมให้แนวต้าน 1,430 จุด แนวรับ 1,410 จุด

นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาเคลื่อนไหวในแดนลบ ส่วนหนึ่งเป็นไปตามตลาดภูมิภาค และมีแรงขายทำกำไรในหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากผลการดำเนินงานไตรมาส 1/59 ที่ประกาศออกมา รวมถึงตัวเลขหนี้เสียปรับเพิ่มขึ้นในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ ทำให้กดดันตลาดโดยรวมปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มอื่นยังอยู่ในช่วงของการทำประมาณการกำไร โดยตลาดก็คงรอดูปัจจัยใหม่ที่จะทำให้สามารถขับเคลื่อนตลาดต่อไปได้

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดดัชนีฯน่าจะยังเคลื่อนไหวในแดนลบต่อ พร้อมให้แนวต้าน 1,430 จุด แนวรับ 1,410 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (21 เม.ย.) ว่า SET แรงขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลัง NPL เร่งตัวขึ้น และการปรับลดดอกเบี้ยเป็นปัจจัยกดดัน NIM ตั้งแต่ไตรมาส 2/59 เป็นต้นไปแม้จะเป็นปัจจัยกดดัน SET ตั้งแต่เปิดตลาด แต่ไม่น่ากลัว และยังมองเป้าหมาย SET ระยะสัปดาห์ที่ 1,430-1,460 จุด แนะนำ “ซื้อ” หุ้นที่ยัง Laggard ตลาด และมีประเด็นบวกรออยู่ ได้แก่

 

1) กลุ่มรับเหมาฯ :SEAFCO CK STEC และ UNIQ รวมไปถึง SCC

2) กำไร 1Q16 ออกมาดี :BEAUTY AOT

3) กลุ่มพลังงานที่มีการเติบโตกำไรสูงปีนี้:SGP

อีกทั้งแนะนำ “เก็งกำไร” COM7 ด้วยเป้าหมายทางเทคนิคที่ 7.80 (TNS ไม่ได้ทำการวิเคราะห์ทางพื้นฐาน) ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก การเข้ามาของ iPhone SE ในช่วงกลางปีนี้ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตกำไรของ COM7 ทั้งจากการขายสินค้าเดิมอย่าง iPhone5 และตัวใหม่อย่าง iPhone SE

อีกทั้งบริษัททำการสั่งสินค้าโดยตรงจาก Apple ตั้งแต่ เม.ย.16 ซึ่งเป็นการเพิ่ม Profit Margin 2% สำหรับยอดขายสินค้า Apple หรือมีกำไรเพิ่มขึ้นอีก 70-80 ล้านบาท/ปี และการขายเครื่องพ่วงซิมการ์ด เพิ่มขึ้นหนุนรายได้ค่าธรรมเนียม

โดยล่าสุด COM7 จับมือกับ TRUE ในการขายสินค้าและบริการ และเพิ่มธุรกิจขายสินค้าคอมฯ มือสอง อย่าง Banana Sure และ 5) Consensus คาดการณ์กำไรปี 59 ที่ 404 ล้านบาท หรือ +50%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จาก 268 ล้านบาทในปี 58

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

AOT  มูลค่าการซื้อขาย 1,030.96 ล้านบาท ปิดที่ 412.00 บาท เพิ่มขึ้น 10.00 บาท

KTB   มูลค่าการซื้อขาย   865.54 ล้านบาท ปิดที่ 17.50 บาท ลดลง   0.30 บาท

JAS   มูลค่าการซื้อขาย   819.64 ล้านบาท ปิดที่   4.42 บาท เพิ่มขึ้น   0.08 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 789.18 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท ลดลง   2.50 บาท

PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 747.64 ล้านบาท ปิดที่ 64.00 บาท เพิ่มขึ้น   1.00 บาท