CNT คาดกำไรในปีนี้ดีกว่าปีก่อน เน้นงานก่อสร้างคอนโดมิเนียม
CNT คาดผลงาน Q1/59 ทรงตัวจากงวดปีก่อน รับเศรษฐกิจชะลอตัว-งานภาครัฐยังไม่มาก คาดกำไรในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 23.19 ล้านบาท เน้นรับงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมมากขึ้น
นายสุรศักดิ์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท คริสเตียนีและนีลเส็น (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ CNT เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 1/59 คาดว่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสอดคล้องกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และภาพรวมอุตสาหกรรมปีนี้ยังทรงตัวจากปีก่อน เพราะงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่ยังออกมาไม่มากนัก ซึ่งบริษัทก็คาดหวังว่าจะได้เห็นมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง และจะเป็นส่วนช่วยให้อุตสาหกรรมก่อสร้างขยายตัวได้ รวมถึงช่วยให้ภาคเอกชนขยายงานมากขึ้น
ด้านการประมูลงานบริษัทได้ยื่นประมูลงานมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ได้แก่ งานอาคาร โรงงานอุตสาหกรรม คอนโดมิเนียม และงานถนนของภาครัฐ โดยคาดหวังได้รับงาน 50% ส่วนมูลค่างานที่ได้รับแล้วในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีมูลค่ามากกว่า 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นทั้งงานรัฐวิสาหกิจและเอกชน
สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 6% และ 3% ตามลำดับ ซึ่งเป็นระดับปกติที่บริษัทเคยทำได้ ขณะที่ในปีก่อนบริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ระดับ 4.59% และ 0.32% หลังจากงานก่อสร้าง 2 โครงการก่อนหน้านี้ที่มีผลขาดทุนได้ทยอยหมดในปีที่แล้ว และจะจบลงทั้งหมดแล้วในไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมา
“งานฝันร้ายของบริษัททั้ง 2 โครงการ ที่ส่งผลบริษัทขาดทุนในปี 57 จะจบลงในไตรมาสแรกนี้แล้ว โดยน่าจะมีสัดส่วนรายได้เข้ามาราว 15% ของรายได้รวมทั้งไตรมาสแรก”นายสุรศักดิ์ กล่าว
ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่ทำได้ 23.19 ล้านบาท จากการควบคุมต้นการก่อสร้างและต้นทุนการดำเนินงาน และรับงานที่มีมาร์จิ้นสูง แม้รายได้คาดว่าจะทำได้เพียง 7.2 พันล้านบาท จากระดับ 7.35 พันล้านบาทในปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามภาวะอุตสาหกรรมที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก หลังการประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐได้เกิดความล่าช้าออกไป ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคเอกชนชะลอตัวตาม โดยบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานของภาคเอกชนอยู่ที่ 70% ส่วนที่เหลืออีก 30% เป็นงานของภาครัฐ ขณะที่งานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 80% ส่วนที่เหลือจะรับรู้เป็นรายได้ในปีหน้า
สำหรับแผนการรับงานของบริษัทในปีนี้จะเน้นรับงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมมากขึ้น หลังจากที่ไม่ได้รับงานประเภทนี้มา 5-6 ปีแล้ว ถือเป็นการขยายฐานรายได้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางภาวะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างยังชะลอตัว และการแข่งขันค่อนข้างรุนแรง โดยงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมจะให้มาร์จิ้นสูงกว่างานที่บริษัททำอยู่ทั่วไป แต่ก็มีความเสี่ยงที่สูงกว่าเช่นเดียวกัน ดังนั้น การรับงานก่อสร้างคอนโดมิเนียมจะต้องพิจารณาค่อนข้างละเอียด ปัจจุบันมีงานโครงการคอนโดมิเนียมที่อยู่พิจารณาอยู่กว่า 10 แห่ง ซึ่งจะเน้นโครงการระดับบนเป็นหลัก