ดาวโจนส์ปิดบวก 21 จุด รับราคาน้ำมันฟื้นตัว
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) โดยได้ปัจจัยบวกจากราคาน้ำมัน WTI ที่ดีดตัวขึ้นกว่า 1% ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ดัชนีดาวโจนส์ขยับขึ้นในกรอบจำกัด เพราะตลาดได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ รวมถึงไมโครซอฟท์ และแคเทอร์พิลลาร์
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (22 เม.ย.) ที่ 18,003.75 จุด เพิ่มขึ้น 21.23 จุด หรือ +0.12%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,906.23 จุด ลดลง 39.66 จุด หรือ -0.80% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,091.58 จุด เพิ่มขึ้น 0.10 จุด หรือ +0.00% ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจน์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 0.6% ดัชนี S&P 500 ปรับขึ้น 0.5% และดัชนี NASDAQ ลดลง 0.6%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวก เพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้น 1.3% เมื่อคืนนี้ หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมัน เปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด
การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 15% หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 5.1% อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา โดยดัชนีดาวโจนส์ปิดขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี NASDAQ ปิดร่วงลง เนื่องจากตลาดได้รับแรงกดดันจากผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ในสหรัฐ
บริษัทแคเทอร์พิลลาร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องจักรหนักที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 494 ล้านดอลลาร์ หรือ 67 เซนต์/หุ้นในไตรมาสแรก ลดลงจากระดับ 1.70 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.07 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยแคเทอร์พิลลาร์ได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงในธุรกิจก่อสร้าง, น้ำมันและก๊าซ รวมทั้งเหมืองแร่ ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นแคเทอร์พิลลาร์ ปิดลบ 0.4%
หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล อิงค์ ร่วงลง 5.41% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 7.50 ดอลลาร์ในไตรมาสแรก ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 7.96 ดอลลาร์ ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 7.17% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 62 เซนต์ในไตรมาสแรก ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 64 เซนต์ โดยผลประกอบการของไมโครซอฟท์ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของตลาดคอมพิวเตอร์ PC ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์และอัลฟาเบท ได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงด้วย โดยหุ้นแอปเปิล อิงค์ ปรับลง 0.3% ขณะที่หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 1.8%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของมาร์กิตที่ระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย.ของสหรัฐ อยู่ที่ระดับ 50.8 ลดลงจากระดับ 51.5 ในเดือนมี.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนเม.ย.เคลื่อนไหวที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในวันที่ 26-27 เม.ย.นี้ พร้อมกับจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อดูทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ