น้ำมันดิบปิดบวกหลังข้อมูลชี้อุปทานลดลง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าภาวะอุปทานน้ำมันในสหรัฐเริ่มปรับตัวลดลง โดยเบเกอร์ ฮิวจ์ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ให้บริการแก่อุตสาหกรรมน้ำมัน เปิดเผยว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่า การผลิตน้ำมันของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 1.3% ปิด (22 เม.ย.) ที่ 43.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนมิ.ย.เพิ่มขึ้น 58 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 45.11 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาด หลังจากเบเกอร์ ฮิวจ์รายงานว่า จำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่ใช้งานในสหรัฐลดลง 8 แท่นในสัปดาห์นี้ โดยลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน สู่ระดับ 382 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ แท่นขุดเจาะน้ำมันในสหรัฐมีจำนวนสูงสุด 4,530 แท่นในปี 1981 ส่วนระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ 488 แท่นในปี 1999
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายในตลาดน้ำมันนิวยอร์กยังได้รับปัจจัยบวกหลังจาก EIA รายงานว่า การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 24,000 บาร์เรล สู่ระดับ 8.953 บาร์เรลต่อวัน ขณะที่นักลงทุนจับตาดูการประชุมระหว่างกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (OPEC) และประเทศผู้ผลิตนอกกลุ่มโอเปก โดยนายอับดุลเลาะห์ ซาเล็ม เอล-บาดรี เลขาธิการโอเปกยืนยันว่า การประชุมดังกล่าวจะมีขึ้นในเดือนมิ.ย. เพื่อหารือกันในประเด็นการตรึงกำลังการผลิต