KTB:เงินกองทุนยังแข็งแกร่งแนะถือราคาเป้าหมาย 18 บ.
KTB เงินกองทุนยังแข็งแกร่ง โดยมี CAR 15.72% ณ สิ้นมี.ค.59 เป็น CET 1 Ratio และ Tier 1 Ratio เท่ากับ 11.89% ขณะที่เกณฑ์ขั้นต่ำของธปท.อยู่ที่ 9.125%, 5.125% และ 6.625% ตามลำดับ แนะนำถือให้ราคาพื้นฐาน 18 บาท อิงกับ Gordon Growth Model ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 59 ที่ 0.9 เท่า
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (25 เม.ย.) ว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB กำไรสุทธิไตรมาส 1/59 ออกมาดีกว่าที่และตลาดคาดไว้ โดยมีกำไรสุทธิ 7.5 พันล้านบาท (-4%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน, +10%เทียบไตรมาสก่อนหน้า) แม้ธนาคารจะตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูง แต่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานที่ลดลง (โดยหลักมาจากค่าใช้จ่ายวัสดุอุปกรณ์และสำรองโบนัสพนักงานที่ต่ำลง) ทำให้กำไรก่อนสำรองเติบโตกว่าที่ประมาณการไว้ รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็เพิ่มจากกำไรในการซื้อขาย ปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และกำไรจากเงินลงทุน กำไรสุทธิไตรมาส1/59 คิดเป็น 25% ของประมาณการทั้งปี 59
สินเชื่อหดตัว 1.9%เทียบไตรมาสก่อนหน้า โดยเป็นการลดลงในทุกกลุ่มลูกค้า ซึ่งเป็นผลจากเศรษฐกิจซบเซาและนโยบายระมัดระวังของธนาคาร
NPL Ratio เพิ่มขึ้นและ Coverage Ratio ลดลง ในไตรมาสนี้ NPL เพิ่มมาก 18%เทียบไตรมาสก่อนหน้า เป็น 90 พันล้านบาท ซึ่งมาจากลูกค้ารายใหญ่, SME ขนาดใหญ่ และรายย่อย ประกอบกับสินเชื่อลดลง ทำให้ NPL Ratio เพิ่มเป็น 3.7% ในสิ้นมี.ค.59 จาก 3.2% ในสิ้นธ.ค.58 และเพื่อให้มี Coverage Ratio สูงกว่า 100% ธนาคารจึงตั้งสำรองเพิ่มอีก 4 พันล้านบาทบนสำรองปกติที่ตั้ง 3 พันล้านบาทต่อไตรมาส และตั้งสำรองในบริษัทย่อยอีก 1.6 พันล้านบาท ทำให้ไตรมาส 1 ปีนี้มีการตั้งสำรองทั้งสิ้น 8.6 พันล้านบาท (1.71% ชองสินเชื่อรวม) ส่วน Coverage Ratio ลดลงเป็น 103.4% ในสิ้นมี.ค.59 จาก112.6% ในสิ้นปี 58
เงินกองทุนยังแข็งแกร่ง โดยมี CAR 15.72% ณ สิ้นมี.ค.59 เป็น CET 1 Ratio และ Tier 1 Ratio เท่ากับ 11.89% ขณะที่เกณฑ์ขั้นต่ำของธปท.อยู่ที่ 9.125%, 5.125% และ 6.625% ตามลำดับ แนะนำถือให้ราคาพื้นฐาน 18 บาท อิงกับ Gordon Growth Model ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 59 ที่ 0.9 เท่า