
“เสี่ยเจริญ” ยังไม่หนำใจ..ลุยซื้อบิ๊กซีเวียดนามต่อ
“เสี่ยเจริญ” ยังไม่หนำใจ..ลุยซื้อบิ๊กซีเวียดนามต่อ ขณะที่มั่นใจยอดขาย BIGC ปีนี้โต 3-4% หลังรุกแผนเปิดสาขาใหม่ 84 สาขา-อัตรากำไรขั้นต้นฟื้น
นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC ซึ่งเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นของ BIGC ในวันนี้ (25 เม.ย.) เปิดเผยว่า ทางกลุ่มได้ยื่นเสนอเพื่อขอซื้อบิ๊กซีเวียดนามไปแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างรอผลสรุปออกมา
ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อต้นปีนี้กลุ่มนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้ใช้บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เข้าซื้อหุ้น BIGC จากกลุ่มคาสิโน โดยปัจจุบันอยู่ในระหว่างการทำคำเสนอซื้อหุ้น BIGC ทั้งหมด
ด้าน นายโรเบิร์ต เจมส์ ซิสเซล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์มาร์เก็ต จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 59 บริษัทวางแนวทางยอดขายเติบโต 3-4% จากระดับ 1.19 แสนล้านบาทในปี 58 ตามแผนการขยายธุรกิจ รวมถึงการขยายสาขาและปรับปรุงสาขาเดิม โดยปีนี้มีแผนเปิดสาขาใหม่ 84 สาขา จากสิ้นปี 58 มีสาขาที่ 734 สาขา
สำหรับการขยายธุรกิจ แบ่งเป็นการเปิด 6 ไฮเปอร์มาร์เก็ต 3 บิ๊กซีมาร์เก็ต และ 75 มินิบิ๊กซี รวมกันระหว่างสาขาที่บิ๊กซีเป็นเจ้าของและสาขาแฟรนไชส์ ขณะที่มีแผนปรับปรุงสาขารวม 7 แห่ง ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/59 เป็นไปตามเป้าหมาย ตามแผนขยายงาน
“ปีนี้เปิดสาขาใหญ่เป็น 6 สาขา ทำให้การเติบโตของยอดขายดีขึ้น จากปีก่อนเปิดสาขาใหญ่เพียง 2 สาขา และส่วนใหญ่เปิดปลายปี 58 ซึ่งก็คงมาเห็นผลชัดเจนในปีนี้ด้วย ส่วน 75 มินิบิ๊กซี เป็นส่วนผสมแฟรนไชส์ และบิ๊กซีเป็นเจ้าของสาขา ซึ่งมีคนสนใจเข้ามาทั้งอีสาน และต่างจังหวัด พื้นที่มินิบิ๊กซีอยู่ที่ 50-100 ตารางเมตร ซึ่งมินิบิ๊กซีกำลังมีผลประกอบการดีขึ้นและอัตราการโตของเดิมก็ดีด้วย”
โดยสัดส่วนยอดขายจะมากขึ้นจากการขยายสาขาใหญ่ที่เพิ่มมากขึ้น และมีความพอใจผลประกอบการไตรมาส 1/59 ที่เห็นการเปลี่ยนที่ดีขึ้น โดยมั่นใจว่าสาขาแต่ละรูปแบบ ทั้งขนาดเล็ก ,กลาง และโมเดิร์นเทรด ทำให้มั่นใจว่าจะผลประกอบการจะเติบโตได้ในอนาคต โดยปีนี้เชื่อว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับสู่ปกติที่ 12%
ด้าน นางสาวรำภา คำหอมรื่น ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน และรองประธานฝ่ายบัญชีและการเงิน BIGC เปิดเผยว่า ปีนี้ยอดขายจะเติบโตจากสาขาใหม่และสาขาเดิมรวมกัน รวมถึงจะพยายามทำกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย และภาษี ให้ใกล้กับปี 57 หลังในปี 58 บริษัทมีกำไรลดลง