DELTA คาดยอดขาย Q2 ดีกว่า Q1 คงเป้ารายได้ปีนี้โต 10%

DELTA คาดกำไร Q2/59 น่าจะดีกว่า Q1/59 ขณะที่ Q3/59 คาดว่ายอดขายจะสูงขึ้นจากที่มีสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่อง เชื่อทั้งปีรายได้และกำไรดีกว่าปีก่อน พร้อมคงเป้ารายได้โต 10%


นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า บริษัทคาดยอดขายในไตรมาส 2/59 น่าจะดีกว่าไตรมาส 1/59 ที่มี 1.1 หมื่นล้านบาท และกำไรคาดว่าน่าจะดีกว่าไตรมาส 1/59 ที่มีกำไรสุทธิ 1,250 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาส 2/59 ยังคงมีค่าใช้จ่ายด้านวิจัยและพัฒนา(R&D) ต่อเนื่อง อีกประมาณ 200-300 ล้านบาทจากไตรมาส 1/59 มีจำนวนเกือบ 400 ล้านบาท เพราะจะมีสินค้าตัวใหม่เข้ามาทำให้ยอดขายสามารถครอบคลุมค่าใช้จ่าย ไม่เหมือนในไตรมาสแรกที่ผ่านมายอดขายโต2% และค่าใช้จ่าย R&D สูงทำให้กำไรลดลง 19.8%เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/58

ขณะที่ ในไตรมาส 3/59 คาดว่ายอดขายจะสูงขึ้นจากที่มีสินค้าใหม่ออกมาต่อเนื่องซึ่งเป็นผลจากการวิจัยและพัฒนาสินค้า ทั้งนี้บริษัทจะตั้งงบสำหรับวิจัยและพัฒนาต่อเนื่อง ปีละ 500 ล้านบาท เพื่อสร้างสินค้าใหม่รองรับความต้องการในตลาดได้ดี

ส่วนทั้งปี 59 เชื่อว่า บริษัทจะมีรายได้และกำไรดีกว่าปีก่อนที่มี รายได้ 4.8 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 6.7 พันล้านบาท โดยคาดว่าปีนี้อัตรากำไรสุทธิ(NET Profit Margin) จะใกล้เคียงปีก่อนที่ 14% ขณะที่รายได้ปีนี้คงเป้าหมายเติบโต 10%จากปีก่อนที่มี 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับความคืบหน้าการลงทุนในอินเดียนั้น บริษัทเพิ่งเจรจากับรัฐบาลอินเดียในการเข้าซื้อที่ดินในเมืองเชนไน เนื้อที่ 200 ไร่ เป็นเงินประมาณ 400-500 ล้านบาท และระหว่างนี้รัฐบาลอินเดียกำลังรวบรวมพื้นที่และจัดตั้งเป็นนิคมอุตสาหกรรมให้ด้วยเพื่อจะได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนั้นคาดว่าปีนี้จะเริ่มลงทุนก่อสร้างโรงงาน ซึ่งใช้เนื้อที่ 10 ไร่ก่อน เงินลงทุนไม่มากไม่ถึง 100 ล้านบาท เพราะต้องทยอยขยายโรงงานตามออเดอร์ตลาด ขณะที่การลงทุนในเมืองบังกาลอร์ จะจัดตั้งเป็นศูนย์วิจัยและพัฒนา เบื้องต้นใช้เงินลงทุนราว 20 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทได้เริ่มขยายการลงทุนโรงงานแห่งที่ 2 ในสโลวาเกียหลังปีก่อนทุ่มงบก่อสร้างโรงงานใหม่ โดยเบื้องต้นปีนี้ใช้งบขยายการผลิตเพียง 20 ล้านบาทก่อนที่เพราะต้องการดูสภาพตลาดก่อน ทั้งนี้โรงงานแห่งที่ 2 มียอดขายใกล้เคียงโรงงานที่1 จำนวน 200 ล้านเหรียญ

ทั้งนี้ ปัจจุบันยอดขายของบริษัทมาจากยุโรป 60% สหรัฐ 30% และ เอเชีย 10% ซึ่งรวมไทย อย่างไรก็ตามความผันผวนของเงินตราต่างประเทศกระทบบริษัท ซึ่งมีรายรับทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินยูโร แต่ได้มีการทำประกันความเสี่ยง โดยเฉพาะส่วนที่เป็นรายจ่าย 20% ทึ่ใช้เป็นเงินบาท

อย่างไรก็ดี บริษัทยังไม่มีแนวคิดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล เพราะระหว่างปียังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นที่ผ่านมา ก็มีซัพพลายเออร์ญี่ปุ่นได้รับผลกระทบ แต่ซัพพลายเออร์ของ DELTA ไม่ได้รับผลกระทบ อย่างไรก็ตามบริษัทต้องรักษาสภาพคล่องเพื่อสำรองไว้ยามฉุกเฉิน โดยปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดอยู่ 2 หมื่นล้านบาท

Back to top button