ดาวโจนส์ปิดลบ 57 จุด หุ้นแอปเปิลยังร่วงต่อเนื่อง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (29 เม.ย.) ซึ่งเป็นการซื้อขายวันสุดท้ายของเดือน ขณะที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ซึ่งสร้างแรงกดดันให้กับตลาด


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 57.12 จุด หรือ 0.32% ปิด (29 เม.ย.) ที่ 17,773.64 จุด, ดัชนี S&P500 ลดลง 10.51 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 2,065.30 จุด และดัชนี NASDAQ ลดลง 29.93 จุด หรือ 0.62% ปิดที่ 4,775.36 จุด สำหรับตลอดทั้งเดือนเม.ย. ดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.5% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเดือนที่สอง ส่วนดัชนี NASDAQ ร่วงลง 1.9%

ผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง แอปเปิล ได้กระตุ้นให้นักลงทุนแห่เทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในช่วงหลายวันที่ผ่านมา โดยหุ้นแอปเปิลลดลง 1.15% ในวันศุกร์ ร่วงลง 11% ในรอบสัปดาห์ และดิ่งลงไปถึง 14% ในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ หุ้นแอปเปิลยังถูกกระหน้ำซ้ำเติมหลังจากที่นายคาร์ล ไอคาห์น มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังของสหรัฐ ประกาศเทขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในบริษัทแอปเปิล เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับศักยภาพในการทำกำไรของแอปเปิล โดยเฉพาะในประเทศจีน

ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยในวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.1% ในเดือนมี.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. รายได้ส่วนบุคคลของชาวสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.74 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 0.4% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนก.พ. ส่วนอัตราการออมเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 7.355 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2555 จากระดับ 6.964 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.

เจย์ มอร์ล็อก นักเศรษฐศาสตร์จากเอฟทีเอ็น ไฟแนนเชียล กล่าวว่า อัตราการออมอยู่ในระดับสูง เนื่องจากการจ้างงานและการเติบโตของรายได้ทำให้ผู้บริโภคมีเงินในกระเป๋ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคกลับไม่ใช้จ่ายเท่าที่ควร ดังเห็นได้จากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ขยายตัวน้อยที่สุดในรอบปี ทำให้เกิดความกังวลว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในไตรมาสสองอาจไม่น่าพอใจนัก หลังจากที่ผิดหวังมาแล้วกับตัวเลขจีดีพีไตรมาสแรก

โดยในวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการจีดีพีเบื้องต้นในไตรมาสแรก โดยระบุว่าจีดีพีขยายตัวเพียง 0.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2557 ขณะที่นักวิเคราะห์ไว้คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จีดีพีในไตรมาสแรกจะขยายตัว 0.7% โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐมีสาเหตุจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ และการแข็งค่าของดอลลาร์ได้กดดันการส่งออก

นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนก.พ. การขยับขึ้นของดัชนี PCE เพียงเล็กน้อย และยังคงห่างจากเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ของเฟด บ่งชี้ถึงการใช้จ่ายที่ซบเซาของผู้บริโภค และส่งสัญญาณว่าเฟดจะยังคงไม่รีบปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE พื้นฐานเพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือนมี.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนก.พ.

ขณะเดียวกันได้มีการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเขตชิคาโก ซึ่งร่วงลงสู่ระดับ 50.4 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 53.6 ในเดือนมี.ค. โดยการดิ่งลงของดัชนีได้รับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวลง และความไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีจะอยู่ที่ระดับ 53.0 ในเดือนเม.ย.

สำหรับข่าวคราวความเคลื่อนไหวภาคธุรกิจ หุ้นเชฟรอนปรับตัวลง 0.2% หลังจากที่บริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเผยผลประกอบการไม่สดใส หุ้นแคทเทอร์พิลลาร์ขยับลง 0.04% หลังบริษัทประกาศว่าจะปิดโรงงานในสหรัฐ 5 แห่ง และปลดพนักงานราว 820 ตำแหน่ง เนื่องจากการผลิตและอุปสงค์ที่ลดลง ส่วนหุ้นอเมซอนทะยานกว่า 9% หลังบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่เผยผลประกอบการดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์มาก โดยหลังปิดตลาดในวันพฤหัสบดี บริษัทได้รายงานผลกำไรไตรมาส 1/2559 ที่ 1.07 ดอลลาร์ต่อหุ้น จากรายได้ 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์

หุ้นเฟซบุ๊กบวก 0.73% หลังบริษัทรายงานว่ากำไรรวมของบริษัทพุ่งขึ้น 52% สู่ระดับ 5.38 พันล้านดอลลาร์ โดยได้รับอานิสงค์จากธุรกิจโฆษณาบนมือถือ ส่วนกำไรในไตรมาสแรกอยู่ที่ 77 เซนต์/หุ้น สูงกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 63 เซนต์/หุ้น ขณะที่หุ้นลิงค์อินพุ่งขึ้น 1.87% หลังผลประกอบการและแนวโน้มออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

หุ้นไปตู้บวก 4.5% หลังบริษัทผู้ให้บริการเสิร์ชเอนจินรายใหญ่ของจีนเปิดเผยว่า รายได้ไตรมาสแรกปรับตัวขึ้น 31.2% เมื่อเทียบรายปี โดยไป่ตู้กวาดรายได้ 1.5821 หมื่นล้านหยวน (2.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรายได้จากการตลาดออนไลน์เพิ่มขึ้น 19.3% แตะ 1.4931 หมื่นล้านหยวน

Back to top button