เงาบนผนัง กับ มนุษย์ถ้ำพลวัต 2016
หากเป็นสถานการณ์ปกติ วันนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะทะยานบวกแรงท้าแนวต้าน 1,400 จุดอีกครั้ง หลังจากหยุดยาว 4 วัน บังเอิญมีความไม่ปกติเกิดขึ้นมากมายทั้งใหญ่และเล็ก ทำให้บรรยากาศการลงทุนสัปดาห์นี้ กลับไปอยู่ในสภาพ “ไต่เส้นลวด” อีกครั้ง
วิษณุ โชลืตกุล
หากเป็นสถานการณ์ปกติ วันนี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะทะยานบวกแรงท้าแนวต้าน 1,400 จุดอีกครั้ง หลังจากหยุดยาว 4 วัน บังเอิญมีความไม่ปกติเกิดขึ้นมากมายทั้งใหญ่และเล็ก ทำให้บรรยากาศการลงทุนสัปดาห์นี้ กลับไปอยู่ในสภาพ “ไต่เส้นลวด” อีกครั้ง
ในด้านปัจจัยภายนอกประเทศ การไต่เส้นลวดของตลาดทุนทั่วโลกยังดำรงต่อไป ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศก็มีเงื่อนไข กำหนดให้ผู้คนในสังคมไทย (รวมทั้งนักลงทุนเก็งกำไร) ต้องไต่เส้นลวดตามไปด้วย ด้วยรายละเอียดและเหตุปัจจัยต่างกัน
สัญญาณบวกจากวอลล์สตรีท ยุโรป และราคาน้ำมัน เมื่อวันศุกร์ บ่งบอกทิศทางใหม่ที่เริ่มเจอฐานของแนวรับชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าแรงถ่วงวันศุกร์นี้ จะมาจากจีนที่แม้เศรษฐกิจจะพิสูจน์ว่าไม่ได้เลวร้ายสุดๆ แต่มาตรการเข้มงวดเรื่องแบงก์ชาติจีนดูดซับเงิน 2.20 แสนล้านหยวนจากตลาด เพื่อเล่นงานนักปั่นราคาโภคภัณฑ์และหุ้นที่เอาสภาพคล่องตลาดไปสร้างราคาวุ่นวาย ก็เป็นปัญหาที่ไม่เกี่ยวกับพื้นฐานของตลาด
ค่าดอลลาร์ที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือนเทียบค่าเงินเยนญี่ปุ่น จะยังคงอ่อนต่อไป เพราะเฟดจะยังไม่กล้าแตะต้องเรื่องขึ้นดอกเบี้ยไปอีกอย่างน้อย 2-3 เดือน แต่นี่อาจจะเป็นเจตนาสร้างแรงกดดันให้รัฐบาลและธนาคารกลางญี่ปุ่นต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเยนที่จะทำลายเศรษฐกิจญี่ปุ่นลงไปสู่กับดักภาวะเงินฝืดรุนแรงยิ่งขึ้น
ตลาดหุ้นโลกนับจากนี้ไป จะยังคงผันผวนไปกับราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ค่าดอลลาร์ และอื่นๆ พร้อมกับปัจจัยเสี่ยงหลัก 5 ประการ ดังนี้
– ดุลยภาพที่ยังไม่ดีของจีนจากหนี้เน่าท่วมตลาด
–ตลาดเกิดใหม่ที่ปั่นป่วนหาทิศทางไม่ได้
– ความเสี่ยงทางการเมืองทั่วโลกยังเกิดขึ้นต่อไป
–เครื่องยนต์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกทำงานไม่เต็มสูบ
–หนี้สาธารณะท่วม และมาตรการทางการเงินที่ใช้กันอย่างเข้มข้นเริ่มถึงทางตัน
สัปดาห์นี้ ซึ่งน่าจะเป็นสัปดาห์สุดท้ายของเทศกาลงบการเงินไตรมาสแรกของธุรกิจในตลาดทั้งหลาย ตัวเลขยอดรายได้และกำไรธุรกิจค้าปลีก จะเป็นตัววัดสำคัญของตลาดทั่วไป ซึ่งจะเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญที่ชี้ทิศทางครั้งสุดท้ายของเทศกาลประกาศงบทั่วทั้งโลก
ส่วนตลาดหุ้นไทย การเมืองที่ถูกสร้างสถานการณ์ให้ร้อนระอุเพราะผู้นำคสช.และผู้นำทหารในกองทัพ ยังคงหลงยึดติดกับเส้นทางการเมืองแบบมาคิอาเวลลีของตนเองอย่างมุ่งมั่นและไกลจากความเป็นจริง ตั้งเป้ากระชับอำนาจสถาปนาระบบทรราชทหารเต็มรูปชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ บนรากฐานความกลัวเงาของตนเอง ทำให้บรรยากาศการลงทุนถูกครอบงำด้วยความกลัวไปด้วย ไม่ว่านักลงทุนจะอยากยุ่งเกี่ยวกับการเมืองหรือไม่
นั่นหมายความว่า ข่าวดีของตลาดหุ้นโลกไม่ว่าที่ไหน หรือจะด้วยสาเหตุใด ล้วนไม่จำเป็นต้องเป็นข่าวดี สำหรับตลาดหุ้นไทยแต่อย่างใด หรือหากมีผลก็คงไม่มาก เพราะสังคมไทยใต้ท็อปบู๊ทยามนี้ และจากนี้ไป จะถูกหลอกหลอนด้วยมายาภาพที่คล้ายกับ นิทานเปรียบเปรยสุดคลาสสิกของพลาโต้ ต้นตำนานของ “เผด็จการทรงคุณธรรม” ที่ยังคงหลอกหลอนสังคมโลกมาถึงปัจจุบัน
พลาโต้เล่านิทานที่ว่าด้วยมนุษย์ถ้ำซึ่งถูกจองจำด้วยโซ่ตรวน และถูกตรึงหน้าหันไปที่ผนังถ้ำด้านใน จึงมองเห็นเฉพาะผนังถ้ำมืดๆ ที่อยู่ตรงหน้า โดยมีเงาสะท้อนจากแสงกองไฟที่สาดไปทาบทับรูปร่างที่ถูกเชิดไปมาเป็นเงาดำต่างๆ จนไม่รู้เลยว่า ถัดจากกองไฟออกไปคือทางเดินสู่ปากถ้ำที่ส่องสว่าง
ความเคยชินกับภาพเงาบนผนังถ้ำ วันแล้ว วันเล่า สะสมการรับรู้เฉพาะเงา และเสียงสะท้อนก้อง ทำให้มนุษย์ถ้ำสรุปว่า เงา คือความจริง
วันหนึ่งมนุษย์ถ้ำคนหนึ่งถูกปล่อยตัวให้ก้าวเดินออกไปที่ปากถ้ำ แรกสุดเขาเจ็บปวดมากที่ต้องเพ่งสายตากับแสงสว่างโดยตรง เขาต้องเลือกเอาระหว่างการเดินไปสู่เสรีภาพอันเจ็บปวด กับหันหลังกลับสู่โซ่ตรวน
บังเอิญว่าเขาบ้าบิ่น หรือไม่ก็อดทนสูงมากพอ จึงเลือกอย่างแรกแล้วใช้เวลาปรับสายตาให้ชินกับโลกภายนอกถ้ำ
แล้วเริ่มพบว่า เงาที่ผนังถ้ำ ไม่ใช่สัจจะ และอดีตก็ไม่ใช่ปัจจุบันและยิ่งไม่ใช่อนาคต
พัฒนาการของความรับรู้ของอดีตมนุษย์ถ้ำ “ตาสว่าง” ที่แยกแยะความจริงออกจากเงา คือการปลดโซ่ตรวนทางปัญญา และจิตใจอีกสองชั้นที่เหนือกว่าทางกายภาพ เพราะมันได้บอกว่า โลกลวงได้จบไปแล้ว เริ่มต้นสู่ความสว่างของปัญญาและดวงจิต สู่ความรู้แท้
แม้อดีตมนุษย์ถ้ำคนนั้น จะยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เส้นแบ่งของความรู้แท้ กับความรู้ลวง หนาบางเพียงใด เพราะเขาถูกฆ่าโดยมนุษย์ถ้ำคนอื่นๆ ที่เหลือ เมื่อนำข่าวสารที่เขาได้รู้ ไปบอกกับคนเหล่านั้นในถ้ำ
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากนิทานของพลาโต้ ก็คือว่า ภัยอันตรายของการใช้สิ่งที่เป็นเพียงความคิดเห็น มาเป็นเกณฑ์การตัดสินความจริง มีมากเพียงใด เพราะอันตรายของการเรียนรู้นั้นมีหลายด้านทั้งจากตัวของผู้ที่เรียนรู้เอง ที่มีประสบการณ์ตรง ผู้ที่รับประสบการณ์รอง และผู้ที่พร้อมจะยึดติดกับเงาบนผนังถ้ำเพราะความกลัวต่ออนาคต
คนกลุ่มหลังนี่แหละที่เป็นปัจจัยถ่วงรั้งสังคมให้ติดตรึง เพราะจะด้วยความขี้ขลาดเกินไป หรืออำมหิตเกินไป หรือไม่ก็มีความเชื่ออย่างมืดบอดอย่างแท้จริง หรือหลอกตัวเองว่า การปลดปล่อยทางจิต ด้วยการกระทำตนเป็นคนแปลกแยกนั้น มันเป็น “จุมพิตของยูดาส”
การเลือกของคนที่ยอมสยบให้กับระบบทรราชทหาร เพื่อสมยอมตนเป็นสุนัขรับใช้ที่พร้อมช่วยกันเห่าหอนให้กับอำนาจคนเถื่อนถือปืน จึงโน้มเอียงไปสู่วิถีของ “ดินแดนแห่งคนตาบอด” ในนิทานสั้นๆ ของเอช จี เวลส์เข้มข้นขึ้น
เส้นแบ่งของมนุษย์ถ้ำที่ “ตาสว่าง” กับมนุษย์ถ้ำที่จมปลักกับเงาบนผนังถ้ำ นับวันจะชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยในอนาคตอันใกล้ ทำให้ที่ว่างของ “ความเป็นกลาง” แบบอีแอบเหลือน้อยลง
คนกลุ่มแรกหรืออดีตมนุษย์ถ้ำ คือพลังที่จะทำลายล้างข้อสรุปของพลาโต้ ซึ่งเป็นข้อสรุปที่ต่อต้านแนวทางประชาธิปไตย ซึ่งถูกปฏิเสธมาเมื่อหลายพันปี
นักลงทุนในสถานการณ์ที่ข้อมูลตลาดไม่สมบูรณ์และไม่เท่าเทียมกันล้วนมีโอกาส เป็นมนุษย์ถ้ำของพลาโต้ได้ทั้งนั้น บางคนอาจจะไปไกลกว่านั้นคือเป็นตาบอดคลำช้างไปเลย แต่ก็คงมีคนที่ช่ำชองไม่น้อยที่ตระหนักดีว่าในสถานการณ์ที่แปรปรวนนับจากนี้ไป ควรวางตำแหน่งการลงทุนที่ยืดหยุ่นอย่างไรบ้าง เรียกว่าสามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ทั้งในภาวะหมีและกระทิง
คนอย่างนี้แหละจะทำให้นิทานมนุษย์ถ้ำของพลาโต้ ไม่เป็นความจริงขึ้นมาได้ คำถามคือพลังเหล่ากลุ่มนี้มีมากแค่ไหน หรือจะเป็นแค่ “อดีตมนุษย์ถ้ำ” จำนวนน้อย