ดอลล์แข็งค่าหลังข้อมูลจ้างงานสหรัฐฯอ่อนแอ
สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (6 พ.ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรที่ต่ำเกินคาด
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (6 พ.ค.) ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1394 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1398 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์ลดลงแตะระดับ 1.4418 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4473 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนเงินดอลลาร์ออสเตรเลียลดลงแตะ 0.7361 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7463 ดอลลาร์สหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวลดลงเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 107.12 เยน จากระดับ 107.25 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9720 ฟรังก์ จากระดับ 0.9689 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับขึ้นเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดา แตะที่ 1.2938 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.2854 ดอลลาร์แคนาดา
สกุลเงินดอลลาร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 160,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นราว 202,000 ตำแหน่ง และเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน นับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวดี
ส่วนอัตราว่างงานยังทรงตัวที่ระดับ 5% ในเดือนเม.ย. สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ด้านตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 25.53 ดอลลาร์ต่อชั่วโมงในเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ซบเซาน่าจะช่วยลดความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนมิ.ย. โดยเฟดอาจต้องการหลักฐานเพิ่มเติมที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วจริงๆ
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ถึงแม้ว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวอยู่ที่ระดับเดิม แต่รายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงานเพิ่มขึ้น 8 เซนต์ในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังระบุว่า เนื่องจากอัตราว่างงานยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 5% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขประมาณการของเฟดที่ 5.3% จำนวนตำแหน่งงานที่เพิ่มน้อยเกินคาดอาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลที่สุดของเจ้าหน้าที่บริหารระดับสูงของเฟด สำนักข่าวซินหัวรายงาน