Sell in May ปีนี้ไม่แรง..

Sell in May ปีนี้ไม่แรง


บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์(9 พ.ค.) ประเมิน Sell in May ปีนี้ไม่แรง : ในส่วนของ SET Index ยังคงมองว่าการเกิด Sell in May ไม่น่าจะรุนแรง เพราะหากย้อนกลับไปดูพฤติกรรมการปรับฐานในเดือน พ.ค. ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา ไล่ตั้งแต่

          May 2010 SET Index ปรับลดลง 1.71% ต่อเนื่องจากเดือน เม.ย.53 ที่ปรับร่วงไปกว่า 3.11% สาเหตุใหญ่ที่ทำให้ตลาดปรับฐานหนัก 2 เดือนติด มาจากการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม นปช. ก่อนที่จะมีการสลายการชุมนุมในวันที่ 19 พ.ค. 

          May 2011 SET Index ปรับลดลง 1.80% เป็นการปรับลงครั้งแรก หลังจากที่ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกันกว่า 12.9% โดยตลาดเริ่มมีความกังวลต่อปัญหาวิกฤติหนี้ของกลุ่ม PIIG โปรตุเกส ไอร์แลนด์ อิตาลี และกรีซ ซึ่งความกังวลตรงนี้ไปปะทุหนักอีกครั้งในช่วงเดือน ส.ค. – ก.ย.54 ผสมกับที่ไทยเจอวิกฤติน้ำท่วมใหญ่ จึงทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวดัชนีปรับลงกว่า 20% 

          May 2012 SET Index ปรับลดลง 7.08% เป็นการปรับฐานใหญ่หลังจากที่ดัชนีฟื้นตัว 7 เดือนติดต่อกันกว่า 30% (ฟื้นจากวิกฤติน้ำท่วม) โดยแรงกดดันที่ทำให้ดัชนีปรับฐานแรงมาจาก ปัญหาการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในกรีซ ซึ่งตลาดกังวลว่ากรีซจะไม่ปฎิบัติตามแผนรัดเข็มขัด 

          MAY 2013 SET Index ปรับลดลง 2.24% เป็นการเริ่มปรับลงครั้งแรกหลังจากที่ดัชนีวิ่ง Rally มา 11 เดือนติดต่อกันกว่า 34% จน SET Index ขึ้นไปทำจุดสูงสุดสูงถึง 1,650 จุด โดยนักลงทุนต่างประเทศเริ่มการขายสุทธิหนักในช่วง พ.ค. และ มิ.ย. กว่า 6 หมื่นล้านบาท 

          MAY 2014 SET Index ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.06% โดยเป็นการพลิกจากที่ติดลบในช่วงแรกกว่า 2.6% เนื่องจากในเดือน พ.ค.57 มีการประกาศกฎอัยการศึก และการทำรัฐประหาร ส่งผลให้ดัชนีมีการปรับลงหนักช่วงกลางเดือน ก่อนที่จะฟื้นกลับมาในช่วงปลายเดือน  

          May 2015 SET Index ปรับลดลง 2.01% สวนกับที่ปรับเพิ่มขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.58 1.38% โดยเป็นการลงจากแรงขายทำกำไรหลังจากที่ SET ขึ้นไปทดสอบ 1,575 จุดไม่ผ่าน โดยมีแรงกดดันจาก ผลประกอบการงวด 1Q58 ที่ออกมาน้อยกว่าคาด จนทำให้ตลาดมีการปรับลดคาดการณ์กำไรทั้งปีลง 

          เห็นได้ว่าการปรับฐานจะเกี่ยวพันกับ 2 เรื่องใหญ่ๆคือ 1. เป็นการปรับฐานหลังจากที่มีดัชนีบวกขึ้นมาแรงในช่วงก่อนหน้า และ 2. มีปัจจัยลบเฉพาะตัวที่เข้ามากระทบ ซึ่งหากจะนำมาเปรียบเทียบกับปี 2559 ก็น่าจะเข้าข่ายข้อ 1 มากกว่า  เนื่องจาก SET Index ในปัจจุบันอยู่ในช่วงได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 9%  การเกิด Sell in May ก็น่าจะเป็นเพียงแค่การย่อตัวตามการขายทำกำไรตามปกติเท่านั้น  

Back to top button