นาทีทอง? โมนิก้าและทีมงาน
*ทุกครั้งที่ดัชนีอ่อนตัวลงมาถึงบริเวณแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาทีไร มักทำให้หัวใจของ “โมนิก้า” เต้นรัวไม่เป็นจังหวะทุกที เพราะมันหมายถึงตัวเลข “กำไร” หรือ “ขาดทุน” ของเงินที่อยู่ในกระเป๋านักลงทุน เดี๊ยนถึงพยายามให้แฟนคลับนึกถึงคำแนะนำเมื่อวันก่อนเป็นประจำ เพราะเป็นแนวทางที่บอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ว่า สิ่งที่เล่ามาทั้งหมด “ถูก” หรือ “ผิด” น่ะสิ
*ทุกครั้งที่ดัชนีอ่อนตัวลงมาถึงบริเวณแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาทีไร มักทำให้หัวใจของ “โมนิก้า” เต้นรัวไม่เป็นจังหวะทุกที เพราะมันหมายถึงตัวเลข “กำไร” หรือ “ขาดทุน” ของเงินที่อยู่ในกระเป๋านักลงทุน เดี๊ยนถึงพยายามให้แฟนคลับนึกถึงคำแนะนำเมื่อวันก่อนเป็นประจำ เพราะเป็นแนวทางที่บอกเล่าเรื่องราวก่อนหน้านี้ว่า สิ่งที่เล่ามาทั้งหมด “ถูก” หรือ “ผิด” น่ะสิ
*วันนี้ถึงไม่มีความจำเป็นต้องบอกเล่าเรื่องต่างๆ ให้เสียเวลาเคาะขวาแบบสุดซอย เพราะเรื่องราวที่เล่าให้ฟังเป็นฉากๆ มันอยู่ในหัวของนักเล่นหมดแล้ว วันนี้ถึงต้องถามใจของแต่ละคนว่า จังหวะนี้ใช่นาทีทองในการทยอยเก็บของดีราคาถูกเข้าพอร์ตอะป่าว! เพราะหุ้นบางตัวพยายามสวนกระแสตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงอยากให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องลองมองกระดานหุ้นให้ดีๆ ต่อจากนั้นจะพบว่า มีหุ้นหลายตัวที่เล่นรอบได้นะจะบอกให้
*ที่สำคัญคือ หากต้องการมองภาพการลงทุนให้ชัดเจน “โมนิก้า” ขอย้ำว่า ต้องซื้อหุ้นติดมือไว้เล็กๆ น้อยๆ เพื่อไว้ช่วยนำทางการลงทุน ซึ่งเป็นการทดสอบแรงซื้อแบบง่ายๆ และดูเหมือนคนที่เล่นตามแทคติกดังกล่าวจะทำรอบได้เรื่อยๆ หลังดัชนีรูดลงมาทำจุดต่ำสุดของวันที่ 1,381.66 จุด แต่หลังจากนั้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,394.14 จุด บวกไป 3.44 จุด ด้วยมูลค่า 4.35 หมื่นล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่สุดแสนจะแฮปปี้สำหรับคนที่มีหุ้นถูกตัวนะคะ
*เหมือนกับคนที่มีเงินเย็นแล้วเก็บหุ้น GPSC ไว้ในพอร์ตก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ของดีก็เป็นของดีวันยังค่ำ ราคาหุ้นถึงทะยานขึ้นอย่างช้าๆ จนล่าสุดขึ้นมาปิดที่ 30.75 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.40% ด้วยมูลค่า 760 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นหุ้นที่ยังลงทุนได้สบายๆ เพราะเทรดบนค่า P/E 24 เท่า ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานเทรดอยู่ที่ระดับ 40 เท่า มันคือแก๊ปที่บอกให้รู้ว่า ไม่ซื้อแล้วจะเสียใจเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของ CPF ซึ่งเป็นหุ้นที่ “โมนิก้า” ชอบส่องดูเป็นประจำในยามที่หุ้นลงหนักๆ หรือแม้กระทั่งถีบตัวขึ้นแรง ก็ต้องพูดถึงด้วยเช่นกัน ล่าสุดเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 25 บาท บวกไป 1.80 บาท หรือบวกไป 7.70% ด้วยมูลค่า 1.21 พันล้านบาท มันคือโมเมนต์ที่ต้องตามไปดูในทันที เพราะช็อตของการเล่นเที่ยวนี้ ถูกปูพื้นด้วยปัจจัยพื้นฐาน หุ้นน่าจะไปได้สวยนะคะ
*กรณีนี้คล้ายคลึงกับการทำ triple top ของหุ้น TPBI ที่บริเวณ 19 บาท ก่อนจะปิดที่ 19.20 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่า 480 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะของการวัดใจนักเล่นอย่างหนึ่ง เพราะตามตำราเขาเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า หากปิดเหนือแนวต้านดังกล่าว แล้วไปต่อไม่ไหว ต้องกลับไปตั้งฐานใหม่แถว 17.80 บาท วันนี้ถึงต้องจับตาดูให้ดีไงล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับกรณีของ DELTA หากมองจุดเด้งกลับในรอบ 1 ปี 6 เดือนจะมีจุดใหญ่ๆ อยู่ด้วยกัน 2 จุดคือ บริเวณ 75 บาท และ 65 บาท ซึ่งเป็นตัวผลักดันให้ดัชนีวิ่งขึ้นทดสอบ 90 บาทหลายครั้งด้วยกัน ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 70.50 บาท บวกไป 3.25 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 730 ล้านบาท มันทำให้ “โมนิก้า” มีความหวังเล็กๆ ว่า หุ้นจะเป็นไปตามแพทเทิร์นที่เกริ่นให้ฟังไงล่ะค่ะ
*ส่วนในรายของ BIG ก็กลายเป็นหุ้นที่ร้อนแรงจนฉุดไม่อยู่ หลังทะยานขึ้นทำ new high ครั้งแล้วครั้งเล่า จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 3.30 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่า 214 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของปัจจัยพื้นฐานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักเล่นถึงไล่ราคากันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บวกกับมีการให้ราคาเป้าหมายสูงถึง 4 บาท ทุกอย่างเลยดูดีไปหมดพะยะค่ะ
*สำหรับในรายของ DCON ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจพอสมควร เพราะการทะยานของหุ้นมาจากกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการทรุดตัวลงของหุ้นก็มาจากกำไรลดลงอย่างฮวบฮาบ “โมนิก้า” ถึงเห็นราคาหุ้นร่วงลงเป็นเวลากว่า 1 ปี ล่าสุดหุ้นเด้งขึ้นมาปิดที่ 0.68 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 9.70% ด้วยมูลค่า 93 ล้านบาท มันเป็นช็อตที่มองได้ค่อนข้างยากจริงๆ เพราะไม่รู้ว่า จะเบ่งกำไรได้อย่างไร? ในเมื่อภาวะเศรษฐกิจยังง่อนแง่นน่ะสิ
*ผิดกับในรายของ TNP ประกาศกำไรในไตรมาส 1 ปี 59 เพิ่มขึ้น 40% ราคาหุ้นเลยพุ่งขึ้นมาปิดที่ 1.81 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 20% ด้วยมูลค่า 210 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบนค่า P/E 30 เท่า “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่นักเล่นต้องคิดให้ดีๆ หากจะถือหุ้นลงทุนระยะยาว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้เป็นอะไรที่เฉพาะกิจมากๆ วันนี้หากไปต่อไม่ไหว ถือว่าจบเกมนะจะบอกให้
*เช่นเดียวกับในรายของ HYDRO หากดูตามท้องเรื่อง ผสมกับประวัติความเป็นมาก่อนหน้านี้ “โมนิก้า” ขอบอกเลยว่า การทะยานขึ้นมาปิดที่ 2.14 บาท บวกไป 0.27 บาท หรือขึ้นไป 14.40% ด้วยมูลค่า 193 ล้านบาท มันเป็นเพียงเหล้าเก่าในขวดใหม่ พอดูไปดูมาก็ยังเหมือนเดิมแบบนี้ มันเป็นเกมเสี่ยงที่นักเล่นต้องอ่านให้ออก งานนี้บอกได้ทันทีว่า พลาดแล้วเจ็บตัวแน่ๆ เจ้าค่ะ