ฉลาดซื้อ + ฉลาดผลิตแฉทุกวัน ทันเกมหุ้น
เก่งเกินคาด ต้องซูฮกกันอย่างแท้จริง สำหรับนายอาลก โลเฮีย ซีอีโอใหญ่ของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ที่สามารถโชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรกของปีชนิดหักปากกาเซียนวิเคราะห์ทุกสำนัก เพราะกำไรมากกว่าที่เคยคาดเดากันเอาไว้
เก่งเกินคาด ต้องซูฮกกันอย่างแท้จริง สำหรับนายอาลก โลเฮีย ซีอีโอใหญ่ของ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ที่สามารถโชว์กำไรสุทธิไตรมาสแรกของปีชนิดหักปากกาเซียนวิเคราะห์ทุกสำนัก เพราะกำไรมากกว่าที่เคยคาดเดากันเอาไว้
นักวิเคราะห์ไม่ได้เสียหน้า แต่ อาลก โลเฮีย สมควรได้รับเสียงปรบมือจากผู้ถือหุ้นไปเต็มๆ…กดไลค์หลายๆ ครั้งเลย
เมื่อวานนี้ IVL ชี้แจงว่า บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 4.104 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 900% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรแค่ 410 ล้านบาท
กำไรที่โดดเด่นยิ่งนักนี้ มาจากกำไรจากการดำเนินงาน ที่ระดับ 2,015 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ จำนวน 1,634 ล้านบาท
สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามาในฐานะ ”ตัวช่วย” ในงวดในไตรมาสพิเศษ ทางบริษัทยังมีกำไรรายการพิเศษจากการต่อรองราคาซื้อจากการเข้าซื้อกิจการ ก่อนหักค่าใช้จ่ายจากการเข้าซื้อกิจการ และค่าใช้จ่ายก่อนเริ่มดำเนินงานรวมทั้งสิ้นอีก 3,276 ล้านบาท แต่ถ้าหักแล้วจะเหลือกำไรพิเศษสุทธิ 2,089 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์เคยคาดหมายว่า กำไรสุทธิของงบไตรมาสแรกจะอยู่ที่ประมาณ 1,700 ล้านบาท แต่เมื่อทำได้ดีกว่าที่คาด…ก็เลยต้องถือเป็นเซอร์ไพรส์กันเลยทีเดียว
แม้กำไรพิเศษจะไม่ได้บอกถึงความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจอะไรมากนัก แต่มักสามารถช่วยตอกย้ำว่าฝีมือในการต่อรองซื้อกิจการของอาลก โลเฮีย และคณะนั้น ไม่เบาเลยจริงๆ
ขอได้รับการคารวะจากใจจริง
กำไรที่โดดเด่นเกินคาด แม้ว่าไตรมาสที่ผ่านมา จะมีการปิดปรับปรุงโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซต์/เอทิลีนไกลคอล (EOEG) ในสหรัฐอเมริกาเกือบทั้งไตรมาสเพื่อเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกิริยา (catalyst) และมีการซ่อมบำรุงนอกจากแผนที่วางไว้ ทั้งนี้ โรงงานดังกล่าวได้กลับมาดำเนินงานตามปกติในวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งแสดงว่าในไตรมาสสองนี้ รายได้จะเพิ่มพูนขึ้นอีก…ส่วนกำไรคงไม่ต้องถามว่าจะเพิ่มขึ้นกี่มากน้อย
คำกล่าวแบบคุยโตของ อาลก โลเฮีย ที่ว่า ผลการดำเนินงานที่สูงกว่าคาดการณ์ แม้ว่าโรงงานผลิตเอทิลีนออกไซต์และเอทิลีนไกลคอลในรัฐเท็กซัสปิดปรับปรุงเกือบทั้งไตรมาส แสดงให้เห็นว่าบริษัทเติบโตอย่างมีกลยุทธ์และมีความหลากหลายมากขึ้นทั้งในด้านที่ตั้งและกลุ่มผลิตภัณฑ์ …จึงไม่เกินเลย
เหตุผลก็เพราะ หากเจาะลงลึกแล้ว จะพบว่าผลิตภัณฑ์ PET และ HVA ยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ธุรกิจ PTA ในเอเชียที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุปทานส่วนเกินเริ่มมองเห็นสัญญาณบวกจากการฟื้นตัวของ Core EBITDA ที่เติบโต 96% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ประกอบกับธุรกิจเส้นใยที่มี Core EBITDA เติบโตเพิ่มขึ้น 21% จากช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้บริษัทมีการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง
จะบอกว่าถึงเวลาทวงคืนกำไรของ IVL เสียที หลังจากที่หลายปีมานี้ บริษัทต้องเผชิญกับ “ช่วงเวลาของวิบากกรรม” จากการตกเป็นเหยื่อของสถานการณ์ จนราคาหุ้นถูกลดเกรดลงโดยนักวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง
วิสัยทัศน์ในการเติบโตของ IVL แยกไม่ออกจากการซื้อกิจการใหม่ ที่ผู้บริหารของ IVL ได้ทำมาให้เห็นหลายครั้งแล้วนับแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดเมื่อปี 2553 เป็นต้นมา โดยเลือกกระทำการซื้อกิจการในจังหวะที่ตลาดปิโตรเคมีเป็นขาขึ้นเป็นสำคัญเพื่อสร้างรายได้และกำไรแบบรวดเร็วด้วยวิศวกรรมการเงิน
คำถามที่ตามมาก็คือว่า ประสบความสำเร็จบนเส้นทางลัดแบบนี้แล้ว อีกหน่อย อาลก โลเฮีย จะหันกลับไปเล่นเกมซื้อกิจการเพื่อโตทางลัดอย่าง “ของมันเคยมือ” อีกครั้งหรือไม่…เพราะสำหรับนักลงทุนทั่วไปแล้วกลัวและเข็ดกับคำว่า…ที่ซื้อมาว่าถูกแล้ว แต่มีถูกกว่าภายหน้า
ปริศนานี้ ยังไม่มีคำเฉลย…อิ อิ อิ