ตกใจ!โมนิก้าและทีมงาน
*วานนี้มีเรื่องให้ลุ้นระทึกหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งแต่ละเรื่องก็ทำให้ผู้เล่นปั่นป่วนไปตามกัน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีออกอาการเสียรังวัด ทั้งที่ช่วงเช้าอุตส่าห์ตั้งลำอ่อนๆ เพื่อทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,400 จุดอีกรอบ สุดท้ายดันลงเอยด้วยการปิดที่ 1,382.41 จุด ลบไป 7.72 จุด ด้วยมูลค่า 4.76 หมื่นล้านบาท แถมเป็นการลงมายังบริเวณจุดเด้งกลับที่บริเวณ 1,380 จุดแบบนี้...น่าสนใจไหมจ๊ะ
*วานนี้มีเรื่องให้ลุ้นระทึกหลายเรื่องด้วยกัน ซึ่งแต่ละเรื่องก็ทำให้ผู้เล่นปั่นป่วนไปตามกัน “โมนิก้า” ถึงไม่แปลกใจที่เห็นดัชนีออกอาการเสียรังวัด ทั้งที่ช่วงเช้าอุตส่าห์ตั้งลำอ่อนๆ เพื่อทะยานขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,400 จุดอีกรอบ สุดท้ายดันลงเอยด้วยการปิดที่ 1,382.41 จุด ลบไป 7.72 จุด ด้วยมูลค่า 4.76 หมื่นล้านบาท แถมเป็นการลงมายังบริเวณจุดเด้งกลับที่บริเวณ 1,380 จุดแบบนี้…น่าสนใจไหมจ๊ะ
*ยิ่งการร่วงหล่นของดัชนีเป็นผลมาจากฝรั่งตาน้ำข้าว ผสมโรงกับปอบผีฟ้า สาดหุ้นออกมาคนละ 1,000 ล้านบาท ขณะที่กองทุนตัวแสบเข้าเก็บ 400 ล้านบาท ส่วนแมงเม่าก็กระโจนเข้าไปรับสุดตัวอีก 1,600 ล้านบาท ยิ่งเป็นการตอกย้ำทฤษฎี “ซื้อหุ้นเมื่อคนอื่นกลัว ขายหุ้นเมื่อคนอื่นมั่นใจ” ซึ่งทำให้ “โมนิก้า” มั่นใจมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งว่า ดัชนีจะลงไม่ลึกไปกว่านี้อีกแล้วนะคะ
*เนื่องจากผลการดำเนินงานที่ประกาศออกมาล่าสุด ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่สักเท่าไหร่? ผลกระทบถึงจำกัดอยู่เฉพาะในหุ้นขนาดใหญ่ เพราะเป็นกลุ่มหุ้นที่นักลงทุนสถาบันถือค่อนข้างเยอะ ขณะที่หุ้นขนาดกลางและขนาดเล็กได้สตอรี่เกี่ยวกับกำไรโตอย่างเป็นล่ำเป็นสัน “โมนิก้า” จึงขออธิบายการร่วงหล่นของหุ้นบางตัวมันเกิดจากปัจจัยรอบด้านเร้าให้เกิดอาการตกใจไงล่ะค่ะ
*เหมือนกับการอ่อนตัวของหุ้นกลุ่มแบงก์ในเที่ยวนี้ มันมาจากความตื่นตระหนกเกี่ยวกับผลงานในไตรมาส 2 จะย่ำแย่กว่าไตรมาส 1 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวพอสมควร และเหตุดังกล่าวก็ทำให้ KBANK SCB BBL และ KTB กลายเป็นหุ้นที่โดนถล่มอย่างหนักหน่วง แถมเป็นการร่วงหลุดฐานแนวรับเดิมลงมาหลายตัวแบบนี้..ท่าจะไม่สวยแล้วกระมั้ง! โดยสิ่งที่บอกได้ตอนนี้มีเพียงแค่คำว่า “รีบาวด์” หากไม่เป็นไปตามที่แนะนำไว้ละก็..งานนี้มีคนเจ็บตัวหนักอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ
*เช่นเดียวกับหุ้นกลุ่มสื่อสารที่โดนถล่มเรียงตัว ไล่เรียงตั้งแต่ ADVANC พยายามผงกหัวสู้แรงเทขายมาหลายวัน แต่สุดท้ายก็ต้านทานไม่ไหว จนกลายเป็นหุ้นที่มีสภาพร่องแร่ง พร้อมกับมีคำแนะนำให้หลีกเลี่ยงออกมาตลอดเวลา เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับโอเปอเรเตอร์รายนี้ มันเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนักพอสมควร ซึ่งสอดคล้องกับสถานการณ์ของหุ้นตัวแม่อย่าง INTUCH ก็แกว่งตัวลงอย่างช้าๆ จนมีความเป็นไปได้ที่หุ้นจะลงไปกองที่ 45 บาทอีกรอบแบบนี้..คงเข้าช้อนซื้อหุ้นจังหวะนี้ไม่ดีมั้ง
*อีกหนึ่งรายที่ดูแล้วค่อนข้างมีปัญหา “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปที่ DTAC เพราะกำไรที่ลดลงอย่างฮวบฮาบ บ่งบอกถึงสภาวะอิ่มตัวทางธุรกิจ บวกกับเจอการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ย่อมส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นในกระดานอย่างเลี่ยงไม่ได้ ล่าสุดหุ้นลงมายืนอยู่ที่ 32 บาท ลบไป 0.75 บาท โดยสัญญาณทางเทคนิคโค้งตัวลงอย่างต่อเนื่องแบบนี้ ถอยไปดูหุ้นตัวอื่นดีกว่ามั้ง!..อิอิอิ
*เนื่องจากขาลุยเชื่อว่า หุ้นที่น่าดูสุดในยามนี้กลายเป็น IVL ซึ่งเป็นช็อตที่ต่อเนื่องจากประกาศกำไรเติบโตมหาศาล ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่า “กำไรพิเศษ” แต่ราคาหุ้นยังพุ่งขึ้นมาปิดที่ 30 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 6.20% ด้วยมูลค่า 2.27 พันล้านบาท พร้อมกับหักปากเซียนกันซึ่งหน้าแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้แค่ว่า หุ้นตัวนี้เหมาะสำหรับนักเล่นที่มีความคล่องตัวสูง สามารถโยกหุ้นไปมาได้ตลอดเวลา เพราะโอกาสที่หุ้นจะแรลลี่ยาว ไม่ได้เกิดง่ายๆ นะจะบอกให้
*ผิดกับในรายของ TKN เพราะรายนี้เห็นกันอย่างทนโท่ว่า กำไรเติบโต 3 เท่าตัว นักเล่นจากทั่วสารทิศถึงเฮโลกันอย่างเมามัน ส่งผลให้ราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 13 บาท บวกไป 2.10 บาท หรือขึ้นไป 19.30% ด้วยมูลค่า 2 พันล้านบาท พร้อมกับทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้น ย่อมทำให้บรรดาขาลุยเชื่อว่า หุ้นจะไต่เพดานขึ้นไปได้อีก! เพราะปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขายสาหร่ายน่ะสิ
*อีกหนึ่งรายที่ฉลุยพอกันในเที่ยวนี้ก็คือ BEM ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวานนี้หุ้นขึ้นมาปิดที่ 6.40 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่า 1.50 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการทำ new high นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นเหมือนกันเช่นนี้ “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ต้องตามต่อ เพราะสตอรี่ดีๆ ของหุ้นตัวนี้จะออกมาเรื่อยๆ จึงไม่มีความจำเป็นต้องอิดออดอะไรอีกแล้วนะคะ
*ขนาดหุ้นขายกล้องอย่าง BIG ยังกระชากขึ้นทำ new high ครั้งแล้วครั้งเล่า จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ 3.48 บาท บวกไป 0.34 บาท หรือขึ้นไป 10.80% ด้วยมูลค่า 480 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเรื่องของผลงานที่ออกมาดี บรรดาพ่อยกแม่ยกถึงกระโจนเข้าไล่มือเป็นระวิง พร้อมกับทำให้ผู้คนจินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า ผลงานในปี 59 จะเลิศกว่าปี 58 หุ้นถึงไปไม่หยุดไงล่ะค่ะ
*ตบท้ายกันที่หุ้น TACC กันสักหน่อยดีกว่า เพราะการทะยานขึ้นเที่ยวนี้น่าจะสัมพันธ์กับผลการดำเนินงานอย่างแน่นอน และถ้ามองจากยอดขายของเถ้าแก่น้อยที่เติบโต 3 เท่าตัว รายนี้น่าจะโตแบบเบาะๆ ประมาณ 30% อีกทั้งมีการนำสินค้าใหม่ๆ มาขายในเซเว่นฯ ตลอดเวลา “โมนิก้า” ถึงเชื่อมาตลอดว่า นี่คือหุ้นทีเด็ดที่น่ามองตัวหนึ่ง แถมวานนี้หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 6.40 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 6.70% ด้วยมูลค่า 125 ล้านบาท ยังเป็นจังหวะที่เล่นได้อย่างแน่นอน..ไม่เชื่อดูรุ่นพี่ๆ ข้างต้นเป็นตัวอย่างก็ได้..จริงไหม?