แค่รีบาวด์..อย่าคิดเยอะโมนิก้าและทีมงาน
*เดิมที “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์ถึงเหตุการณ์ที่ทำให้นักลงทุนเกิดอาการตื่นตระหนก แต่ทันทีที่เห็นราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เดี๊ยนเปลี่ยนใจกลับมาเม้าท์ถึงหุ้นพลังงานเป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นค่อยไปเม้าท์ถึงหุ้นบลูชิพตัวเดิมๆ ที่เคยเม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันตอกย้ำทฤษฎีการเล่นรอบได้อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋พะยะค่ะ
*เดิมที “โมนิก้า” อยากจะเม้าท์ถึงเหตุการณ์ที่ทำให้นักลงทุนเกิดอาการตื่นตระหนก แต่ทันทีที่เห็นราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้เดี๊ยนเปลี่ยนใจกลับมาเม้าท์ถึงหุ้นพลังงานเป็นลำดับแรก ต่อจากนั้นค่อยไปเม้าท์ถึงหุ้นบลูชิพตัวเดิมๆ ที่เคยเม้าท์ให้ฟังเมื่อวันก่อน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเที่ยวนี้ มันตอกย้ำทฤษฎีการเล่นรอบได้อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋พะยะค่ะ
*วันนี้อย่าไปเสียใจกับการพลาดโอกาสทองในการลงทุน เพราะอย่างน้อยก็ทำให้นักเล่นได้เรียนรู้กันอีกครั้งว่า การทะยานขึ้นในรอบนี้ ยังคงวนเวียนอยู่ในกรอบ 1,380-1,400 จุด หากทะลุเพดานดังกล่าวขึ้นไปได้ ก็ยังติดอยู่ที่กรอบด้านบนแถวๆ 1,420 จุดอีกอยู่ดี “โมนิก้า” ถึงพยายามให้แฟนคลับหัดทำตัวในลักษณะ “ทั้งบู๊ ทั้งบุ๋น” เพื่อความคล่องตัวไงล่ะค่ะ
*คิดง่ายๆ ก็คือ ทุกคนรู้ว่า กำไรทั้งระบบไม่ดี ภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อต่อการเบ่งกำไร โบรกเกอร์เตรียมปรับลดประมาณการดัชนี ซึ่งแต่เดิมให้เป้าดัชนีในปี 59 ไว้แถว 1,460 จุด ตอนนี้หลายสำนักลดทอนลงมาอยู่แถว 1,420 จุด มันเป็นภาพที่เตือนให้ขาลุยต้องหาจังหวะปล่อยของเมื่อยกตัวสูงขึ้น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับหาจังหวะดึงหลบให้ดี เพราะบางเรื่องก็ยากต่อการทำความเข้าใจน่ะสิ
*เหมือนกับรายการเขียวยกแผงที่เกิดขึ้นวานนี้ ซึ่งดันให้ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,399.31 จุด บวกไป 16.90 จุด ด้วยมูลค่า 4.31 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นช็อตที่เกิดจากกองทุนตัวแสบเข้ามาลากหุ้นบลูชิพแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ยอดซื้อสุทธิถึงกระโดดขึ้นมาถึง 2.70 พันล้านบาท ผสมโรงกับปอบผีฟ้าเข้ามาช่วยดันอีก 350 ล้านบาท สถานการณ์ของตลาดหุ้นถึงระเบิดระเบ้อไงล่ะค่ะ
*โดยพระเอกของวันที่เป็นตัวชูโรงในเที่ยวนี้ “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง PTT เป็นลำดับแรก หลังหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 305 บาท บวกไป 13 บาท หรือขึ้นไป 4.50% ด้วยมูลค่า 1.80 พันล้านบาท พร้อมกับเปลี่ยนโมเมนตัมจาก side way down กลายเป็น v-shape ในทันทีแบบนี้ มันเป็นจังหวะที่ต้องตามไปลุยต่อ เพราะได้แรงหนุนจากวอลุ่มที่หนาแน่น ผสมกับน้ำมันดิบอยู่ในช่วงขาขึ้น..มันฟินสุดๆ นะจะบอกให้
*ส่วนบริษัทลูกอย่าง PTTEP และ PTTGC ยังคงเป็นตัวเลือกในระยะสั้นเหมือนเดิม แม้ทิศทางของหุ้นจะไม่สวยสดงดงาม แต่มักติดสอยห้อยตามตัวแม่เป็นประจำ ล่าสุดหุ้นขึ้นมาปิดที่ 75.75 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 4.80% ด้วยมูลค่า 1.30 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดบริเวณแนวต้านพอดี มันเป็นจังหวะวัดใจเหมือนกันนะเนี่ย..ส่วนรายหลังวิ่งขึ้นมาปิดที่ 61.50 บาท บวกไป 3.75 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่า 1.25 พันล้านบาท แต่สัญญาณเทคนิคไม่หนุนเอาเสียเลยแบบนี้..มองยอดเดิม 65 บาทก็พอมั้ง!
*เช่นเดียวกับในรายของ IRPC ราคาหุ้นกระชากขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะลงเอยที่ระดับ 5 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.10 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดบริเวณแนวต้านพอดี..หากวันนี้สามารถพลิกแนวต้านกลายเป็นแนวรับได้อย่างสมบูรณ์ “โมนิก้า” ก็เชื่อว่า หุ้นจะวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 5.30 จุดเป็นครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นประเด็นที่นักเล่นต้องประเมินสถานการณ์กันเอาเองนะคะ
*คล้ายคลึงกับกรณีของ CPF กระชากขึ้นปิดราคาสูงสุดของวันที่ 28 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 7.70% ด้วยมูลค่า 3 พันล้านบาท พร้อมกับเปิดแก๊ปไว้ที่บริเวณ 26 บาท “โมนิก้า” ถือเป็นการปิดเกมที่ไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไหร่? ยิ่งมองในแง่ของสัญญาณเทคนิคแบบเจาะลึก ยิ่งบังคับให้หุ้นต้องลงมาปิดแก๊ปในเร็วๆ นี้ เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับคิดกันเอาเองว่า “ลุย” หรือ “ถอย” นะจ๊ะ
*เหมือนกับการขยับตัวของ AOT ก่อนจะมาปิดที่ระดับ 396 บาท บวกไป 8 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่า 1 พันล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นภาพที่ต้องเจาะลึกลงไปอีกนิดหนึ่ง เพราะถ้ามองแบบผิวเผินเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา นี่เป็นจังหวะที่ต้องตามต่อ พอหันไปดูเส้น 10 วัน กับ เส้น 25 วัน ขวางกลางกบาลแบบนี้ ถือเป็นจังหวะก้ำกึ่งสุดๆ หากจะเล่นตามน้ำในจังหวะนี้ เพราะสามารถออกได้ 2 หน้าเจ้าค่ะ
*เจิดจรัสสุดๆ ยามนี้กลายเป็น TVT ทันทีที่ประกาศกำไรไตรมาส 1 ปี 59 เติบโต 4 เท่าตัว แรงซื้อจากทั่วสารทิศก็ไหลมาเทมาไม่ขาดสาย จนหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.18 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 16% ด้วยมูลค่า 245 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะที่ทำให้แมงเม่าได้ออกของกันอย่างสนุกสนาน และมีโอกาสที่บรรดาขาลุยจะเล่นกันอีกยกนะจะบอกให้
*ประหลาดสุดๆ “โมนิก้า” มองไปที่ TAKUNI ก่อนใครเพื่อน เพราะกำไรไตรมาส 1 ปี 59 มีไม่ถึง 1 ล้านบาท แถมเป็นการเทรดบนค่า P/E ที่ 70 เท่า มันเป็นสถานการณ์ที่ชวนให้สงสัยว่า การขึ้นมาปิดที่ 4.06 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 5.20% ด้วยมูลค่า 130 ล้านบาท น่าจะเป็นรายการ “ขาปั่น น่องเหล็ก” ของคนในก๊วน เฮีย ป. เพราะคนพวกนี้ชอบทำอะไรแผลงๆ น่ะสิ
*ป.ล.ดัชนีเด้งขึ้นแรงเที่ยวนี้ น่าจะเป็นแค่การรีบาวด์ที่เห็นกันมาแล้ว 2 ครั้ง..เกิดอีกครั้ง ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกหรอกค่ะ