ดาวโจนส์ปิดร่วง 180 จุด! ตลาดวิตกเฟดขึ้นดบ.หลังเงินเฟ้อพุ่ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (17 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟด อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และหลังจากประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า รวมทั้งประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก ได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (17 พ.ค.) ที่ 17,529.98 จุด ลดลง 180.73 จุด หรือ -1.02%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,715.73 จุด ลดลง 59.73 จุด หรือ -1.25% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,047.21 จุด ลดลง 19.45 จุด หรือ -0.94%

บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกเนื่องจากกระแสคาดการณ์เรื่องเฟดขึ้นดอกเบี้ย หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2013 และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เดือนเม.ย.พุ่งขึ้น 1.1% ในเดือนเม.ย. เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน และอาหาร ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 1.1% เมื่อเทียบรายปี

ตลาดได้รับแรงกดดันมากขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้ออกมาแสดงความเห็นที่สอดคล้องกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยนายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้ ขณะที่นายจอห์น วิลเลียม ประธานเฟด สาขาซาน ฟรานซิสโก กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้เป็นสิ่งที่สมเหตุสมผล

ด้านนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เฟดควรพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังปรับตัวไปสู่ระดับ 2% ซึ่งเป็นเป้าหมายของเฟด และตลาดแรงงานอยู่ในภาวะตึงตัว

หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทขายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับบ้านรายใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 2.5% แม้ว่าทางบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.8 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.44 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาสแรก จากระดับ 1.58 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.21 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคร่วงลง โดยหุ้นคราฟท์ ไฮนซ์ ดิ่งลงหนักสุดในรอบ 6 เดือน

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงรายงานการประชุมของ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ประจำวันที่ 26-27 เม.ย., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนเม.ย.จากเฟดชิคาโก และยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย.

Back to top button