จัด 10 หุ้นรายตัวมีปัจจัยพื้นฐานโดดเด่นSET ผันผวน-กังวลเฟดส่งสัญญาณขึ้นดบ.

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ จะมีกลุ่มสื่อสารและพลังงานเป็นตัวหนุน แต่ยังมีความผันผวน ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่กลับมากังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.11 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.59 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนเม.ย.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 3 ปี และหลังจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาสนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีนี้

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้ จะมีกลุ่มสื่อสารและพลังงานเป็นตัวหนุน แต่ยังมีความผันผวน ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่กลับมากังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้เลือก ได้แก่ SCC, CPF, GLOBAL, KKP, SGP, KCE, CPN, MAJOR, CPALL, KEC

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ค.) ว่า กลุ่มสื่อสาร และพลังงานจะเป็น “ตัวนำ” ในการฟื้นตัวของ SET ต่อเนื่อง ขณะที่มองการ “พักฐาน” ของ SET จาก “Sell in May” จบไปแล้วด้วยเป้าหมายระยะสัปดาห์ที่ 1,430-1,460 จุด จาก 1) เศรษฐกิจ 1Q16 เติบโตดี และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2) ผลการดำเนินงาน 1Q16 ไม่ได้แย่อย่างที่กังวลก่อนหน้า และคาดว่าจะเริ่มเห็น Consensus ปรับประมาณการกำไรขึ้น (ดูรายงาน Pathumwan Corner วันนี้) 3) ดอกเบี้ยต่ำ และมาตรการ QE ของ ECB และ BOJ ยังหนุนกระแสเงินทุนไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงต่อไป

 “ซื้อ” กลุ่มหุ้นหลัก เป้าหมายระยะสัปดาห์ 1,430-1,460 จุด กลุ่มหุ้นขนาดกลาง-ใหญ่ ที่ผลการดำเนินงาน 1Q16 ออกมาดี และมี Earnings Upgrade Momentum: SCC CPF GLOBAL (ปรับเป้าหมายพื้นฐานขึ้นเป็น 13.50 บาท) KKP (ราคาต่ำกว่า Book Value ที่ 45 บาท ปันผลสูง 6.8-7.6%) SGP (กำไร 1Q16 เป็นจุดต่ำสุดของปี และจะเร่งตัวขึ้นตั้งแต่ 2Q-3Q เป็นต้นไป PE ยังต่ำที่ 6.5x) KCE

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ค.) ว่า ทิศทางดัชนี SET ที่ผ่านมามีแรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน และระยะหลังเริ่มมีแรงเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์และสื่อสารเข้ามา ส่งผลให้ดัชนี SET สามารถยืนเหนือ 1400 จุดได้ แต่คงต้องเผชิญกับความผันผวน เนื่องจากระดับที่สูงกว่านี้ ตลาดจะต้องมีแรงหนุนที่ดีพอ ที่มีอยู่เป็นแค่ ซื้อประคับประคองตัว ขณะที่ราคาน้ำมันเมื่อถึง 50+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์ก็น่าจะพักตัวหรือมีแรงขายจากพวกเก็งกำไร เนื่องจากสัญญาณทางเทคนิค คือ RSI กำลังเข้าสู่ภาวะ Overbought 70

ปัจจัยที่จะกลับมากดดันตลาดหุ้น คือ ความกังวลว่าทาง FEDจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. หรือ ก.ค. หลังตัวเลข CPI เดือน เม.ย. ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 3ปี ขณะที่เจ้าหน้าที่ FED บางส่วนมองทาง FED อาจขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ถึง 3 ครั้ง วันนี้มองว่าทิศทางดัชนี SET จะเปิดสูงปิดต่ำ หลังตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง โดยมองแนวต้านที่1411-1415 จุด ส่วนแนวรับที่ 1400-1395 วันนี้แนะนำ ซื้อเก็งกำไร CPN MAJOR และCPALL

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ค.) ว่าสำหรับวันนี้ประเมินดัชนีน่าจะมีการย่อตัวลงมาบ้าง กลยุทธ์การลงทุน หากยืนเหนือแนวรับ 1,390 จุดได้ แนะนำ ทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัวและขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน โดยมีแนวรับ 1,390-1,400 จุด แนวต้านที่ 1,410-1,420 จุด แนะนำ เก็งกำไรสั้นๆในหุ้นกลุ่มที่ตลาดสนใจ ADVANC INTUCH โดยหากไม่ยื่นประมูลราคามีโอกาสตอบรับเชิงบวกมากกว่า

 

บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (18 พ.ค.) มีมุมมองเป็นกลางต่อตลาดหุ้นวันนี้ SET น่าจะปรับลงในช่วงสั้นๆ ตามทิศทางตลาดหุ้นต่างประเทศที่กลับมากังวลเฟดปรับขึ้นดอกเบี้ยหลังรายงานอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาด และทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าต่อเนื่องและอ่อนสุดในรอบ 2 เดือนครึ่ง ซึ่งอาจจะกระทบต่อหุ้นกลุ่มแบงก์ และconsumer product บ้านเรา อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหุ้นในกลุ่มน้ำมันจะช่วยพยุงตลาดจากอานิสงส์ของราคาน้ำมันดิบที่ยังปรับขึ้นต่อเนื่อง ส่วนหุ้นกลุ่มสื่อสารน่าจะแค่ทรงตัวหลังจากเมื่อวานปรับขึ้นแรงรับข่าว ADVANC เข้าประมูลเจ้าเดียวไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตามเรามองว่าหากตลาดหุ้นปรับลงด้วยเหตุผลว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย เราถือว่าเป็นโอกาสในเข้าซื้อสะสมรอบใหม่ เนื่องจากเรามองว่าเฟดจะยังไม่รีบปรับขึ้นเร็ว หรือภายใน 2-3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของสหรัฐยังอยู่ในระดับต่ำไม่เพียงพอที่จะทำให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ย แม้เศรษฐกิจจะดีขึ้นต่อเนื่องก็ตาม

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้: Selective BUY/ ซื้อเมื่ออ่อนตัว

หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: KEC (คาดกำไร 2Q16 โตต่อเนื่องและทำสถิติสูงสุดใหม่และได้อานิสงค์จากค่าเงินบาทอ่อน)

Back to top button