ขาขึ้นของน้ำมัน ลูบคมตลาดทุน
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกำลังกลับมาเป็นขาขึ้น
ธนะชัย ณ นคร
ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกกำลังกลับมาเป็นขาขึ้น
ข้อมูลนี้ถูกระบุออกมาล่าสุดโดยโกลด์แมนแซคส์ ที่บอกว่า ภาวะน้ำมันล้นตลาดได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
2 ปีก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกตกต่ำลงอย่างมาก
และนั่นทำให้ราคาน้ำมันดิบจากที่เคยขึ้นไปมากกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กลับลงมาต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และลงไปต่ำสุดที่ประมาณ 27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (WTI) เมื่อปลายเดือนมีนาคม
การปรับลดลงของราคาน้ำมัน ทำให้หุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันร่วงเป็นนกปีกหัก
จะว่าไปแล้ว ช่วงที่ราคาน้ำมันดิบลงมาต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลนั้น
มีการคาดการณ์กันด้วยว่ามีโอกาสที่น้ำมันดิบจะลงไปแตะที่ระดับ 20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลกันเลยล่ะ
เนื่องจากว่าประเทศในกลุ่มโอเปกอย่างอิหร่าน พยายามที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันตนเองออกมา สู่ระดับ 4 ล้านบาร์เรลต่อวันอีกครั้งหลังถูกยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
ส่วนประเทศอื่นในกลุ่มโอเปกก็ไม่มีใครมีท่าทีว่าจะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันตนเอง
ส่วนประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่นอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย ก็ยังยืนกรานเกี่ยวกับการผลิตน้ำมันดิบไว้เช่นกัน
แต่จนแล้วจนรอดราคาน้ำมันดิบก็ไม้ได้ร่วงลงมา
ในทางกลับกัน ราคากลับเริ่มฟื้นตัว และดีดขึ้นมาต่อเนื่อง
ขณะนั้นมีการให้ข้อมูลกันด้วยว่า การปรับเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน เป็นผลมาจากการเข้ามาเก็งกำไรของเฮดจ์ฟันด์
และมีการเตือนให้ระวังว่าอาจมีการระบายโพสิชั่น หรือปิดสถานะออกมา
ย้อนกลับมาที่ตลาดหุ้นไทย
ในช่วงเวลาดังกล่าว หุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะหุ้นน้ำมัน เช่น PTTEP และหุ้นน้ำมันตัวอื่นๆ ราคาหุ้นได้ปรับเพิ่มมาตลอดในช่วงไตรมาส 1/59
นักวิเคราะห์ต่างบอกว่านักลงทุนต่างชาติเข้ามาไล่เก็บ
เหตุผลก็มาจากถูกมองว่าในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559 นี้แหละ ราคาน้ำมันจะกลับมาเป็นขาขึ้น
ดังนั้นจึงเข้ามาเก็บหุ้นเหล่านี้เข้าไปอยู่ในพอร์ต สะสมไว้เรื่อยๆ ในช่วงที่ราคายังถูก
แม้จะมีการเตือนว่าราคาน้ำมันอาจขึ้นระยะสั้น แต่ราคาหุ้นน้ำมันที่ปรับขึ้นมา ก็ไม่ได้ปรับลดลง เช่น PTTEP ที่ราคาหุ้นเคยลงไปจุดต่ำสุด 42.50 บาท เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
หลังจากนั้นราคาหุ้นก็ได้ขึ้นมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเดือนมกราคมเป็นต้นมา
ราคาหุ้นตอนนี้เคลื่อนไหวอยู่ 75-80 บาทต่อหุ้น
หรือปรับเพิ่มขึ้นมาเกือบ 100%
ผ่านมาถึงตอนนี้ ข้อบ่งบอกที่ว่า ราคาน้ำมันจะปรับขึ้นระยะสั้น อาจจะไม่ใช่เสียแล้ว
เพราะราคาน้ำมันดิบล่าสุดทั้ง WTI และเบรนต์ต่างขยับเข้าใกล้ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ว่าในบางวันราคาน้ำมันจะปรับลง แต่เป็นการขายทำกำไรกันออกมา เพราะทิศทางราคาน้ำมันในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ยังคงเป็นขาขึ้น
โกลด์แมนแซคส์ เดิมนั้น คาดว่าราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบครึ่งแรกของปีนี้จะอยู่ที่ 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ล่าสุดได้ขยับตัวเลขดังกล่าว ขึ้นมาเป็น 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นั่นแสดงว่าราคาน้ำมันดิบในช่วงไตรมาส 2 นี้ จะยังคงทรงตัว หรือมากกว่าระดับ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง โกลด์แมนแซคส์ ก็ปรับราคาค่าเฉลี่ยน้ำมันดิบเช่นกัน
โดยขยับขึ้นไปที่ 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
และนั่นก็หมายความอีกเช่นกันว่า ราคาเฉลี่ยน้ำมันดิบจะขึ้นไปมากกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เหตุผลที่น้ำมันซัพพอร์ตนั้น ก็มาจากความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น ขณะที่กำลังการผลิตไม่ได้ปรับลดลง แต่ก็เริ่มมีความสมดุลจากก่อนหน้านี้
หากราคาน้ำมันเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ต่างคาดกัน
ก็ย่อมส่งผลดีต่อหุ้นน้ำมันในช่วงไตรมาส 2–4 ของปีนี้
รวมถึงหุ้นตัวอื่นๆ ที่ได้รับประโยชน์จากราคาน้ำมันกลับสู่ขาขึ้นอีกครั้ง
ทว่าราคาน้ำทันที่ปรับขึ้นก็อาจส่งผลต่อต้นทุนของหุ้นในหลายๆ ตัวบ้าง แต่ก็ไม่มากนัก เพราะราคายังถือว่าไม่ได้ปรับขึ้นมาแรงมากเกินไป
เรื่องน้ำมันยังต้องติดตามกันแบบใกล้ชิด