VGI-PLANB ได้เวลาวัดกึ๋น

ธุรกิจสื่อที่ผลิตคอนเทนท์ กำลังพากันบักโกรก ไม่ใช่เรื่องที่จะปิดกันได้ แต่สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาทั้งกลางแจ้งและในอาคาร แม้ว่าจะเติบโตช้าๆ...แต่ว่ายั่งยืนยิ่งนัก โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ อันเป็นสมรภูมิแห่งการแข่งขันอันเข้มข้น


แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

 

ธุรกิจสื่อที่ผลิตคอนเทนท์ กำลังพากันบักโกรก ไม่ใช่เรื่องที่จะปิดกันได้ แต่สำหรับธุรกิจสื่อโฆษณาทั้งกลางแจ้งและในอาคาร แม้ว่าจะเติบโตช้าๆ…แต่ว่ายั่งยืนยิ่งนัก โดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ อันเป็นสมรภูมิแห่งการแข่งขันอันเข้มข้น

หลายปีมาแล้วที่ บริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ VGI แห่งค่าย BTS ครองความยิ่งใหญ่มายาวนานไร้คู่แข่งท้าทาย แต่นับแต่นี้ไป หากประมาท มีสิทธิเสียแชมป์เอาง่ายๆ

ดังที่ทราบกันดีว่า ยุคแรกของการสร้างรายได้เกาะติดพื้นที่โฆษณาบนเส้นทางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกับบริษัทแม่คือบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS  ภายใต้กลยุทธฺ “เหาฉลาม” ทำให้ VGI เป็นบริษัทไร้เทียมทาน ที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงระดับหัวแถวของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย …อาจจะเป็นรองก็เฉพาะบริษัท อินทัช โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH เท่านั้น

เพียงแต่เมื่อพ้นจากยุคทองมาแล้ว ก็เข้าสู่ยุคอิ่มตัว เพราะพื้นที่สำหรับทำมาหากินของ VGI กับบีทีเอสนั้น หมดสิ้นลง ผลลัพธ์จึงทำให้กลยุทธ์เหาฉลามใช้การต่อไปไม่ได้

VGI ภายใต้การนำของ นายมารุต อรรถไกวัลวที จึงต้องขยับขยายธุรกิจนอกพื้นที่ เช่น รุกเข้าไปในโมเดิร์นเทรด หรืออาคารสำนักงานต่างๆ

ผลลัพธ์คือ ไม่เวิร์ก …การสร้างรายได้นอกร่มเงาของ BTS ทำงานไม่ได้ผลเต็มที่อย่างที่ประเมินเอาไว้ล่วงหน้า ซึ่งทำให้รายได้และกำไรถดถอยลงอย่างชัดเจน

รายได้และกำไรที่ถดถอยลงนั้น แม้ว่าอัตราส่วนทำกำไรจะยังคงสวยงามไม่ได้ขี้เหร่อะไรมากมาย แต่เมื่อทำได้ไม่เท่าเดิม ก็ถือว่าย่ำแย่อย่างเลี่ยงไม่พ้น  โดยเฉพาะการหารายได้จากช่องทางสื่อโฆษณาในโมเดิร์นเทรด (Tesco Lotus Big C และ Watsons) ที่ล่าสุดต้องถอยออกมาเกือบหมด

ทางเลือกใหม่ของ  VGI คือ การซื้อกิจการสื่อที่เล็กกว่าที่มีโอกาสทำกำไรสูง มุ่งสร้างการเติบโตยุคที่สองของบริษัท เพื่อสร้างรายได้และกำไรมากกว่ายุคแรก หลังจากที่มากขึ้น 3 ปีที่ผ่านมา …ซึ่งไม่บังเอิญ ที่กลยุทธ์ใหม่นี้มีคนทำอยู่แล้ว และทำได้ดีกว่าเสียอีก  

นั่นคือการเข้ามาใหม่ชนิดเสือติดปีกของบริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB เข้าระดมทุนเป็นบริษัทจดทะเบียนมหาชนในต้นปี 2558 นี้เอง

เทียบกันโดยขนาดแล้ว PLANB ไม่ได้มีอะไรเทียบเคียงได้เลยกับ VGI …ไม่ว่าจะโดยทุนจดทะเบียน หรือสินทรัพย์ หรือมาร์เก็ตแคป แต่กลยุทธ์ซื้อกิจการเพื่อเติมโตทางลัด หรือ inorganic growth ที่ชาญฉลาด คือซื้อมาแล้วทำรายได้และกำไรทันที แถมต่อยอดให้โตยิ่งขึ้นไปอีก …จากมันสมองและกึ๋นของเด็กหนุ่มไฟแรงอย่าง นายปรินทร์ โลจนะโกสินทร์ ซีอีโอสำคัญที่มาพร้อมกับกลยุทธ์ที่เติบโตรวดเร็ว

สิ้นไตรมาสแรกของปีนี้ ผลประกอบการของ PLANB มีกำไรสุทธิ 61.57 ล้านบาท จากรายได้ 557.14 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิ 11.05% แต่ถ้าหากคิดปี 2558 (สิ้นสุด 31 ธันวาคม 2558) ทั้งปี จะมีกำไร 400.21 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,170.08 ล้านบาท  ที่ไม่อาจเทียบกับรุ่น VGI ที่ระดับกำไรสุทธิ (งวดสิ้นปีที่ 31 มีนาคม 2559) อยู่ที่ 940.51 ล้านบาท จากรายได้รวม 2,298.66 ล้านบาท จะเห็นได้ชัดว่า แม้รายได้จะขยับใกล้เคียงกัน แต่ความสามารถทำกำไรของ VGI ยังคงเหนือชั้นกว่าหลายขุม

แม้ว่าจะยังไม่กำไรมากเท่า แต่ PLANB ซึ่งเป็นบริษัทที่ “เส้นเล็ก” ไม่ใช่บริษัท “เส้นใหญ่” อย่าง VGI ก็จริง แต่รุกเร็วรบเร็วยิ่งกว่า ”มิยาโมโต้ มูซาชิ” เข้าข่าย ”หนึ่งดาบ หนึ่งชีวิต” ยังคงเดินเกมรุกไม่มีหยุด

ยิ่งในปีนี้ PLANB หวังเติบโตก้าวกระโดด นอกจากขยายพื้นที่ให้บริการสื่อโฆษณาหลากหลายทั่วประเทศ และการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติม …ล่าสุดยังกระโดดไปเป็นตัวแทนในการบริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และบริษัท พรีเมียร์ ลีก (ไทยแลนด์) ตั้งแต่ปี 2560-2563 เพื่อบริหารจัดการสิทธิการจัดหารายได้ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจะได้รับส่วนแบ่งค่าบริหารจัดการในอัตรา 15-25%

การเติบโตแบบเขย่งก้าวกระโดดไกล ของ PLANB เทียบกับรายได้ที่ทรงตัวของ VGI ในระยะ 3 ปีมานี้ ย่อมไม่ใช่สิ่งดีแน่นอนสำหรับอนาคตของแชมป์ …เพราะว่า การหยุดนิ่ง คือ การถอยหลัง

หากกลยุทธ์ ฉลาดซื้อ+ฉลาดโตทางลัด ของ PLANB ยังคงเดินหน้าทำงานไปเรื่อยๆ แม้ว่าอัตรากำไรสุทธิยังคงต่ำกว่าต่อไป แต่ยอดรายได้รวมของบริษัทแซงหน้าเป็นอันดับหนึ่งได้สำเร็จ เท่ากับว่า ส่วนแบ่งการตลาดของ VGI จะต้องถูกท้าทาย…ของพรรค์นี้ มันบ่อแน่ดอกนาย

ยอดรายได้ที่ยังคงทรงตัวหรือนับวันถดถอยของ VGI จากสิ้นงวดปี 2556 ที่ระดับ 2871.84 ล้านบาท กระโดดขึ้นไปที่ปี 2557 ที่ระดับ 3,195.64 ล้านบาท และในปี 2558 ที่ระดับ 3,077.93 ล้านบาท ก่อนจะลดฮวบลงมาที่ระดับ2,423.42 ล้านบาทในปีล่าสุด ย่อมหมายความว่า PLANB ที่เคยมีขนาดเล็กมาก กำลังมีรายได้ ”หายใจรดต้นคอ” ไม่ห่างนัก

หากเกิดมีอันมีเหตุให้ PLANB สามารถโตอย่างก้าวกระโดดอีกเพียงไม่มาก …การล้มแชมป์รายได้ จะเป็นข่าวใหญ่โตระดับ ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์แน่นอน

ตอนนี้ จะเห็นการขยับตัวของ VGI ไปแล้วที่ยังคงรอผลสัมฤทธิ์ในอนาคตเพื่อให้ยุทธศาสตร์ สร้างรายได้จาก 3 ส่วนพร้อมกัน ที่เรียกว่า  Lifestyle Media ด้วยการทุ่มเงินซื้อกิจการ ก็อย่าลืมว่า ยุทธศาสตร์นี้ผู้บริหารของ PLANB ก็ถนัดล้ำลึกเช่นเดียวกัน แถมอาจจะมากกว่า

ส่วนเรื่องทำกำไรนั้น แม้ PLANB จะยังไม่มากนัก แต่เชื่อขนมกินได้ล่วงหน้าเลยว่า หากรายได้เป็นที่หนึ่งเมื่อใด…กำไรจะไหลมาเทมา..ยิ่งวก่าศรีธนญชัยเทน้ำเทท่า…ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ก็แล้วกัน

อิ อิ อิ

Back to top button