เฟด(ยัง)ไม่ขึ้นดอกเบี้ยลูบคมตลาดทุน

การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน หรือ FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้


ธนะชัย ณ นคร

 

การประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน หรือ FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีขึ้นอีกครั้งในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้

การคาดหมายว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนั้น เริ่มมีน้อยลง

ส่วนตลาดหุ้นนั้น ก็ยังคงระมัดระวัง

ยิ่งโดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันในช่วงนี้ เทขายออกมาตลอด

อย่างวานนี้ก็ขายสุทธิอีก 1,339 ล้านบาท เพราะพวกเขาอ่อนไหวต่อประเด็นของเฟดอย่างมากนั่นแหละ

ก่อนหน้านี้ทางการสหรัฐฯ โชว์ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ออกมาในระดับค่อนข้างดี

ทั้งตัวเลขยอดค้าปลีก ยอดขายบ้านมือสอง และตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงาน ล้วนส่งสัญญาณว่า เฟดจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่ๆ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วิตกกับประเด็นนี้ นำร่วงก่อนเลย

ส่วนตลาดหุ้นเอเชีย ก็พลอยร่วงตาม เว้นแต่ประเทศที่มีปัจจัยบวกภายในแบบเฉพาะตัว

ส่วนของไทย นักลงทุนก็ทิ้งหุ้นมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน และเลยมาจนถึงวานนี้ ทำให้ดัชนีปรับลงมาอีก 4.17 จุด ปิดที่ระดับ 1,381.69 จุด

ทว่าล่าสุดบรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างให้จับตามองผลโหวตของประเทศอังกฤษว่าจะออกจากกลุ่มอียูหรือไม่

เพราะเขาบอกว่าประเด็นนี้มีนัยสำคัญต่อการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด

เฟดนั้นจะมีการประชุมในช่วงวันที่ 14-15 มิ.ย.นี้

แต่ผลโหวตของประเทศอังกฤษจะออกมาในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ หรือหลังจากวันที่เฟดได้มีการประชุมไปแล้วนั่นเอง

นักเศรษฐศาสตร์ไม่เชื่อว่า FOMC จะไม่มีมติใดๆ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หากยังไม่รับทราบผลการโหวตของคนอังกฤษแน่นอน

นักเศรษฐศาสตร์เขาฟันธง! เลยครับ

อีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่ได้ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งนัก

และเฟดยังต้องประเมินตัวเลขเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 อีกครั้งด้วย

และนั่นทำให้เป็นที่มาของการคาดการณ์กันใหม่ว่า สหรัฐฯ จะยังคงไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ย

โดยอัตราดอกเบี้ยของเฟดขณะนี้อยู่ที่ประมาณ 0.25-0.50%

แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟด และบรรดานักวิเคราะห์ต่างออกมาบอกว่า ในปี 2559 เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยสุด 1 ครั้ง แต่อย่างมากไม่เกิน 2 ครั้ง

แต่จะไม่ได้มีการปรับในเดือนมิ.ย.นี้แน่นอน

บรรดานักวิเคราะห์ย่านวอลล์สตรีทต่างให้น้ำหนักการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิ.ย.นี้อยู่ที่ 30%

ส่วน Nomura ทางเอเชียนั้น ให้น้ำหนักเหลือเพียง 20%

แต่ช่วงเวลาที่ถูกปรับให้น้ำหนักมากสุดว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยแน่นอน จะอยู่ในช่วงการประชุมของเดือนกรกฎาคมนี้

เพราะนอกจากจะเป็นช่วงเวลา การรับรู้ผลโหวตของอังกฤษว่าจะออกจากกลุ่มอียูหรือไม่

ก็ยังน่าจะประเมินได้ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับจีดีพีในไตรมาส 2 นี้

ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยนั้น นักวิเคราะห์ต่างมองว่าฟันด์โฟลว์ คงไม่ได้มีการไหลออกมากเท่าไหร่ นั่นเพราะนับจากต้นปีนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิคงเหลือ 12,893 ล้านบาท

ส่วนปี 2558 ต่างชาติขายสุทธิ 1.54 แสนล้านบาท

ที่น่าหวั่นว่าจะขายออก นอกจากนักลงทุนสถาบันแล้ว ก็ยังมีบัญชีบริษัทหลักทรัพย์

เพราะจากช่วงต้นปีมาถึงวานนี้ ซื้อสุทธิอยู่กว่า 11,630 ล้านบาท ถือว่าเยอะนะสำหรับพอร์ตของโบรกเกอร์

ดังนั้น หุ้นตัวไหนที่นักลงทุนสถาบัน และพอร์ตโบรก ถือเยอะๆ ก็ต้องเลี่ยงไว้ก่อน

คำแนะนำของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ให้เล่นเก็งกำไรกันไป เลือกหุ้นที่มีปัจจัยเด่นเฉพาะตัว หุ้น Domestic Play หรือหุ้นตัวขนาดกลาง และเล็ก

แต่ก็อย่างว่าล่ะ ภาวะตลาดหุ้นซึมๆ แบบนี้ ก็มักจะมีหุ้นซิ่ง วิ่งเร็วกว่ารถเมล์สาย 8 ออกมาอาละวาด

ใครโดดขึ้นขบวนไป

ก็ประคองเนื้อประคองตัวกันดีๆ นะ

Back to top button