PTTGC:ธุรกิจโอเลฟินส์หนุนกำไรปีนี้แนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 70 บาท
PTTGC ธุรกิจโอเลฟินส์ทำกำไรได้ดีและหนุนผลประกอบการปี 59 เนื่องจากอุปทานที่ค่อนข้างตึงตัวและอุปสงค์ที่ยังสูงของกลุ่มผลิตภัณฑ์เอทธีลีน ทำให้มาร์จิ้นยังแข็งแกร่งแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 70 บาท
บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (24 พ.ค.) ว่า บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC ธุรกิจโอเลฟินส์ทำกำไรได้ดีและหนุนผลประกอบการปี 59 เนื่องจากอุปทานที่ค่อนข้างตึงตัวและอุปสงค์ที่ยังสูงของกลุ่มผลิตภัณฑ์เอทธีลีน ทำให้มาร์จิ้นยังแข็งแกร่ง โดยราคาผลิตภัณฑ์เพิ่มในไตรมาส 2/59 เพราะหลายโรงงานในภูมิภาคปิดซ่อมบำรุง ขณะที่อุปสงค์เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือแข็งแกร่ง ภาวะอุปทานล้นของโพรพิลีนผ่อนคลายลงเนื่องจากอุปสงค์ที่สูงขึ้นจากลุ่มบรรจุภัณฑ์ และโรงงานใหม่เปิดดำเนินการล่าช้า
ความเสี่ยงจากภาวะอุปทานล้นเกินในผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ยังคงมีอยู่ และมีโอกาสที่มาร์จิ้นจะอ่อนลงจากไตรมาส1/59 เพราะจะมีกำลังการผลิตใหม่ของรีไลแอนซ์ อินเดียเข้ามาในช่วงครึ่งหลังปี 59 โดยเป็นกำลังการผลิตพาราไซลีน 2.2 ล้านตัน/ปี เริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ก.ย.59 และ PTTGC ก็มีกำลังการผลิตเข้ามาตั้งแต่พ.ค.59 อีก 7.5% เป็น 2.4 ล้านตัน/ปีด้วย
โครงการ MTPR (“Map Tha Put Retrofit”) ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่ม 4% ต่อปีในช่วงปี 59-63 โดยเป็นการลงทุนขยายกำลังการผลิตส่วนอะโรเมติกส์และฟีนอลในปี 59 และหลังจากนั้นจะลงทุนขยายโรงงานแนฟทาในพื้นที่เดิมจ.ระยอง โดยจะพัฒนาแนฟทาเป็นผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์แทนที่จะขายออกข้างนอก ซึ่งจะทำให้มีกำไรเพิ่มขึ้น โครงการอัพเกรดแนฟทานี้จะเริ่มลงทุนไตรมาส1/61 และเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในปี 63 โรงงานใหม่นี้ทำให้กำลังการผลิตโอเลฟินส์เพิ่ม 25% จากปัจจุบันและทำให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบรวมทั้งบริหารภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น (โรงงานใหม่ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจาก BOI) ผู้บริหารคาดว่าจะสรุปเรื่องเม็ดเงินลงทุนได้ในปลายปี 59 นี้ สำหรับการลงทุนในใน Shale gas ที่สหรัฐ จะตัดสินใจในปลายปีนี้ ในเบื้องต้นบริษัทมีแผนที่จะสร้างโรงงานอีเธนขนาด 1 ล้านตัน/ปีที่เบลมอนต์ รัฐโอไฮโอ เพื่อขายในพื้นที่โดยผ่านพันธมิตรทางธุรกิจ
แนะนำซื้อ ให้ราคาพื้นฐาน 70 บาท โดยราคาหุ้น PTTGC มี Valuation ที่จูงใจ ณ ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ P/E ปี 59 ที่ 9.3 เท่า ซึ่งต่ำสุดในกลุ่มปิโตรเคมีของภูมิภาคเอเชียซึ่งมีค่า P/E เฉลี่ย 14 เท่า และจ่ายปันผลสูง โดยคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 59-61 ไว้ที่ปีละ 5%+/- ทั้งนี้บริษัทมีความได้เปรียบผู้ประกอบการรายอื่นในสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะใช้วัตถุดิบเป็นก๊าซ ซึ่งราคาก๊าซจะปรับขึ้นช้ากว่าแนฟทา