SETบ่ายระวังแรงขายทำกำไรจับตาตัวเลขส่งออกไทย-เฟด
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ให้ระวังแรงขายทำกำไร เพราะดัชนีฯยังไม่ทะลุ 1,395 จุด ได้ถือว่าเป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวด์ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,395-1,380 จุด แนะติดตามตัวเลขส่งออกไทยบ่ายนี้ และทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (25 พ.ค.) ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกับตลาดภูมิภาคที่บวกตามตลาดสหรัฐฯหลังตัวเลขเศรษฐกิจอออกมาดี แต่มองเป็นแค่เทรดดดิ้งระยะสั้น เหตุวอลุ่มเทรดยังไม่มาก-ไร้ปัจจัยใหม่ แนะติดตามตัวเลขส่งออกไทยบ่ายนี้ และทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด บ่ายนี้ระวังแรงขายทำกำไร ให้กรอบแกว่ง 1,395-1,380 จุด
นายธีรวุฒิ กานต์นิภากุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นตามตลาดสหรัฐฯที่ปรับขึ้นหลังตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี แต่มองเป็นแค่การเทรดดิ้งระยะสั้นเท่านั้น เพราะตลาดภูมิภาคที่ได้รับแรงกดดันจากประเด็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อตลาดสหรัฐฯรีบาวด์ทำให้มีการเล่นเก็งกำไร
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราเช้านี้วอลุ่มเทรดถือว่ายังไม่มาก และยังไม่มีปัจจัยที่มีน้ำหนักพอจะทำให้เป็นขาขึ้นหรือลงชัดเจน จึงมองตลาดฯยังไม่แข็งแรงและเป็นลักษณะของการเล่นตามข่าว เมื่อดัชนีปรับตัวขึ้นไปก็จะมีแรงขายออกมา พร้อมให้ติดตามตัวเลขการส่งออกของไทยที่จะประกาศออกมาในวันนี้
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ให้ระวังแรงขายทำกำไร เพราะดัชนีฯยังไม่ทะลุ 1,395 จุด ได้ถือว่าเป็นแค่เทคนิคเคิลรีบาวด์ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,395-1,380 จุด
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (25 พ.ค.) ว่า จากความกังวลกลุ่มประเทศสหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปลดลง หลังผลสำรวจบ่งบอกว่ามีเพียง 40% ที่ต้องให้ออก อย่างไรก็ดีความกังวลต่อการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในเดือน มิ.ย. ยังอยู่
ทั้งนี้แม้ระยะกลางยังคงมุมมองว่า SET จะปรับขึ้นต่อไปได้ แต่ระยะสั้น คาดว่า SET ยังไม่สามารถผ่าน 1,410 จุด ในการรีบาวด์รอบนี้ โดยตลาดยังคงต้องรอผลถ้อยแถลง Janet Yellen สุดสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินโอกาส Fed ขึ้นดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย. ต่อไป
“ซื้อ” CHG: โรงพยาบาลจุฬารัตน์ มีตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งในตลาดระดับล่างถึงกลาง ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก โดยมีแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการในพื้นที่ ที่มากขึ้น
อีกทั้งมีปัจจัยผลักดันการเติบโตใหม่ – การรักษาโรคหัวใจ และผ่าตัดหัวใจ และ EPS Growth แข็งแกร่งสุดในกลุ่มที่ 21% ต่อปี ต่อเนื่องไปยังปี 63 และราคาที่ปรับตัวลงมาต่อเนื่อง 2 เดือน ทำให้มี valuation ที่น่าสนใจมากขึ้น และทางเทคนิคเป้าหมาย 2.80/2.94
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,055.70 ล้านบาท ปิดที่ 31.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 839.82 ล้านบาท ปิดที่ 163.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 726.07 ล้านบาท ปิดที่ 77.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 665.39 ล้านบาท ปิดที่ 301.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 552.71 ล้านบาท ปิดที่ 126.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท