KBANK:ราคาถูก-แนวโน้มกำไรฟื้นตัวแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 180 บาท
KBANK ปรับน้ำหนักการลงทุนจาก ถือ เป็น ซื้อ เหตุราคาหุ้นที่ถูกโดยราคาหุ้นธนาคารปรับลดลงเหลือเพียง 1.1 เท่า ของมูลค่าทางบัญชี (ต่ำกว่า ค่าเฉลี่ยระยะยาว ที่ 1.55 เท่า ) และแนวโน้มการทำกำไรของธนาคารปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องจากไตรมาสแรกจาก
บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (26 พ.ค.) ว่า ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)หรือ KBANK ผู้บริหารแจ้งว่าเป้าการเติบโตสินเชื่อปี 2559 ยังคงอยู่ที่ ที่ 6-7 % ในปี 2559 อัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 3 % เราเห็นด้วยว่าตัวเลขการเติบโตของ GDP ไตรมาส 1/59 ที่ 3.2% ดีกว่าประมาณการ 2.8 % และดีกว่าตัวเลขของปี 2559 KBANK คาดว่า GDP ไตรมาส 2/59 จะเติบโตมากกว่าไตรมาส 1/59 จากโครงการของภาครัฐ การลงทุนภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้น และสินเชื่อสำหรับการควบรวมกิจการ
ธนาคารคงเป้าการเติบโตของสินเชื่อบรรษัทอยู่ที่ 4-6 % SME อยู่ที่ 5-7 % และสินเชื่อรายย่อยที่ 5-7 % เราคาดว่าสิ้นเชื่อที่ผูกกับบรรษัทและธุรกิจ SME เช่น ธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร พลังงาน การสื่อสาร การท่องเที่ยว และ อุตสาหกรรมรายย่อยจะเป็นตัวหนุนการเติบโตในไตรมาส 2/59 เป็นต้นไป ประมาณการอัตราการเติบโตของสินเชื่อในปี 2559 อยู่ที่ 7 %
เชื่อว่า KBANK ใช้กลยุทธิ์ควบคุมค่าใช้จ่ายและรายได้จากค่าธรรมเนียมเป็นแผนรับมือช่วงเศรษฐกิจซบเซาและแนวโน้มสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาส 1/59 ทางธนาคารคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช้ดอกเบี้ยที่ 10 % ในปี 2559 (ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา) ด้วยเป้าหมายส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย 3.3-3.5 % สำหรับปี 2559 (เราคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยอยู่ 3.5% ในปี2559) ธนาคารกำหนดอัตราส่วนต้นทุน/รายได้ที่ 45-47% ในปี 2559 การปรับกลยุทธ์ลดต้นทุนการตลาด ไม่ขยายสาขาเพิ่ม และเน้นการควบคุมต้นทุนดำเนินงานอื่น รวมถึงการกระตุ้นรายได้จากค่าธรรมเนียมท่ามกลางนโยบายที่ต้องระมัดระวังมากขึ้น เชื่อว่าอัตราส่วนต้นทุน/รายได้จะอยู่ที่ 45 % อิงจากไตรมาส1/59 อยู่ที่ 38 % ดีกว่ากรอบที่ธนาคารประมาณการไปมาก
ผู้บริหารกล่าวว่าสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 2/59 ต่อเนื่อง แต่มีอัตราการขยายตัวที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว โดยสัดส่วนหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมอาจปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยที่ 3.5-3.6 %ในปี 2559 จาก 2.8 % ในช่วงปลายมีนาคม ของปี 2559 โดยธนาคารคงนโยบายการสำรองค่าเผื่อฯ ในปี2559 อยู่ที่ 190 bps แม้ว่าไตรมาส 1/59 อยู่ที่ 280 bps. แสดงให้เห็นว่าตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯมีแนวโน้มลดลงจากจุดสูงสุดในไตรมาส 1/59 เราคาดว่าการตั้งหนี้สำรองจะเพิ่มขึ้น 8 % เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 29 พันล้านบาทในปี 2559 เราคาดว่าการปรับโครงสร้างหนี้สินอย่างรวดเร็วและแผนการช่วยเหลือทางการเงินเป็นเงิน 1.7 แสนล้านบาทจะช่วยลดโอกาสการเพิ่มของอัตราสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้และเป็นโอกาสให้ลูกค้าธุรกิจ SME มีเวลาจัดการภาระหนี้สินให้เข้าที่ ในไตรมาส 2/59 นอกจากนี้เราเชื่อว่าการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจในไตรมาส 2/59 ที่มากกว่าคาดอาจจะช่วยคุณภาพของสินทรัพย์ดีขึ้นต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2559 แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 180 บาท/หุ้น