เน้นรายตัวโมนิก้าและทีมงาน
*อันที่จริง “โมนิก้า” อยากทำตัวสงบเรียบร้อยเหมือนกุลสตรีไทยคนอื่นๆ ยิ่งผ่านวันพระใหญ่มาหยกๆ ยิ่งอยากปล่อยวางมากขึ้น และพร้อมจะเดินสายกลางเพื่อบรรลุธรรม (ไม่ใช่แบบลัทธิจานบิน) แต่ก็น่าแปลกตรงที่มีเรื่องเข้ามาให้วุ่นวายใจตลอดเวลา ครั้นจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก็เหมือนเป็นการละเลยหน้าที่เผือกประจำวัน จึงต้องกลับมาเล่าเรื่องของชาวบ้านชาวเมืองต่อไปเจ้าค่ะ
*อันที่จริง “โมนิก้า” อยากทำตัวสงบเรียบร้อยเหมือนกุลสตรีไทยคนอื่นๆ ยิ่งผ่านวันพระใหญ่มาหยกๆ ยิ่งอยากปล่อยวางมากขึ้น และพร้อมจะเดินสายกลางเพื่อบรรลุธรรม (ไม่ใช่แบบลัทธิจานบิน) แต่ก็น่าแปลกตรงที่มีเรื่องเข้ามาให้วุ่นวายใจตลอดเวลา ครั้นจะไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ก็เหมือนเป็นการละเลยหน้าที่เผือกประจำวัน จึงต้องกลับมาเล่าเรื่องของชาวบ้านชาวเมืองต่อไปเจ้าค่ะ
*วันนี้ถึงเม้าท์ได้เต็มปากเต็มคำว่า อาการสุดโต่งมีให้เห็นในคนทุกวงการ โดยเฉพาะวงการห่มเหลือง รู้สึกจะวุ่นวายหนักสุดในยามนี้ เพราะสั่งสอนบนความเชื่อผิดๆ กันมาเป็นเวลานาน ขณะที่วงการห่มเขียวก็มีเรื่องราวระทึกไม่ว่างเว้น เพราะมีตุ๊กตาตัวใหม่เกิดขึ้นเป็นระยะ “โมนิก้า” ถึงเห็นดัชนีขึ้นๆ ลงๆ ในกรอบเดิมๆ ก่อนจะลงเอยด้วยการปิดที่ 1,401.64 จุด บวกไป 4.01 จุด ด้วยมูลค่า 3.70 หมื่นล้านบาท มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย?
*ล่าสุดได้ยินข่าวว่า นักลงทุนแดนซามูไรให้ความสนใจตลาดหุ้นไทย และพร้อมจะทุ่มทุนแบบไม่อั้นอีกสักรอบ หลังจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปโชว์ของดีให้พวกเขาเห็น “โมนิก้า” ถือเป็นกิมมิคที่นักลงทุนต้องกลั่นกรองข้อมูลอีกชั้นหนึ่ง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้ อาจเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้บางอย่างดีขึ้นกว่าเดิมก็ได้ หรืออาจเป็นเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านเข้ามา แล้วเลยไปก็ได้นะจะบอกให้
*โดยเฉพาะจุดขายที่พูดกันอย่างหนักแน่นว่า ผลประกอบการ บจ. เริ่มฟื้น และเศรษฐกิจในประเทศเริ่มกระเตื้อง “โมนิก้า” ถือเป็นโมเมนต์ฟรุ้งฟริ้งตุ้งติ้งที่ใช้บิ้วลด์อารมณ์กันมานักต่อนัก ส่วนเรื่องจริงจะเป็นเหมือนกับที่ได้พร่ำบอกขนาดไหน? อีกไม่นานก็คงได้รู้กันอย่างแน่นอน แต่ที่ทุกคนควรรู้ไว้อย่างหนึ่งคือ ตัวเลขจัดเก็บรายได้ของกระทรวงการคลังช่วง 7 เดือนแรก สูงกว่าเป้า 6% เจ้าค่ะ
*ที่สำคัญคือ รายได้ที่สูงกว่าเป้ามาจากประมูล 4G ซึ่งทำให้หน่วยงานภาครัฐมีเงินไปใช้กระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบ ขณะที่การประมูลคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ในวันนี้ คงจบภายใน 20 นาที เพราะทุกคนรู้แล้วว่า ADVANC เป็นเพียงเจ้าเดียวที่เคาะในราคา 7.56 หมื่นล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานเด้งขึ้นมาปิดที่ 158 บาท บวกไป 4 บาท หรือขึ้นไป 2.60% ด้วยมูลค่า 2.20 พันล้านบาท มันสะท้อนให้นักเล่นรู้ว่า ทุกอย่างกำลังลงตัว สถานการณ์หลังจากนี้ ก็น่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ พะยะค่ะ
*ส่วนรายที่ดีแบบไม่สนใครทั้งสิ้นกลายเป็น THAI ราคาหุ้นพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนวานนี้ขึ้นมาอยู่ที่ 17.90 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่า 840 ล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นจังหวะต้องตามน้ำอย่างเดียว ก็ในเมื่อหัวเรือใหญ่ออกมาการันตีด้วยตนเองว่า กำไรปีนี้ยังแจ่ม จึงไม่มีอะไรต้องวอรี่ กองทุนในประเทศ และต่างประเทศ ถึงกระโจนใส่กันอย่างเมามันไงล่ะค่ะ
*เช่นเดียวกับในรายของน้องเบม BEM ทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า ธุรกิจไปได้สวย การทำธุรกิจในวันนี้ก็มีแต่คำว่า วิน-วิน แถมรายได้ในอนาคตจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ “โมนิก้า” จึงชอบเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้เป็นประจำ โดยเฉพาะในช่วงที่หุ้นกำลังเด้งขึ้นไปทดสอบยอดเดิม 6.60 บาท ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 6.40 บาท บวกไป 0.15 บาท หรือขึ้นไป 2.4% ด้วยมูลค่า 560 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่ลุ้นระทึกดีแท้ๆ เจ้าค่ะ
*อีกหนึ่งตัวที่มีโมเดลเหมือนกันเป๊ะก็คือ EPG ไซเคิลของหุ้นวนเวียนไปมาในรูปแบบ w-shape กรอบด้านบนอยู่ที่ 14.20 บาท ส่วนกรอบด้านล่างอยู่ที่ 12 บาท แต่เชื่อไหมว่า รอบที่ผ่านมา หุ้นยังลงมาไม่ถึงจุดรับของ เผลอแป๊บเดียวก็เด้งกลับขึ้นไปเสียแล้ว ล่าสุดหุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ 13.40 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 4.70% ด้วยมูลค่า 380 ล้านบาท มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องคิดแล้วว่า เอาไงดี?
*เหมือนกับจังหวะโยกตัวเล่นไปมาของหุ้นในตลาด mai เดี๊ยนมองจากมุมของคนวงนอกก็รู้ได้ทันทีว่า เคาะกะลาเรียก.. เพราะแพทเทิร์นที่เล่นเที่ยวนี้ออกไปในแนว “มาเร็ว ไปเร็ว” ล่าสุดเป็นคิวของ ABICO กระชากขึ้นมาปิดที่ 10 บาท บวกไป 1.20 บาท หรือขึ้นไป 13.60% ด้วยมูลค่า 260 ล้านบาท ซึ่งเป็นสถานการณ์คล้ายกับก่อนหน้านี้ โดยตอนนั้นหุ้นวิ่งขึ้นไปแตะ 10.70 บาทปุ๊บ ต่อจากนั้นร่วงมายืนที่ 7.80 บาทปั๊บ..จำได้ไหมตัวเอง
*ส่วนที่หมดสภาพอย่างบักโกรก “โมนิก้า” ขอพุ่งเป้าไปยัง T ก่อนหน้านี้กระชากขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยจนหุ้นขึ้นไปยืนอยู่ที่ 0.27 บาท ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยืนจมปลักอยู่ที่ 0.12 บาท ล่าสุดหุ้นโรยตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง จนวานนี้ลงมายืนอยู่ที่ 0.16 บาท ลบไป 0.03 บาท หรือลงไป 15.80% ด้วยมูลค่า 68 ล้านบาท มันเป็นภาพสะท้อนถึงสงครามที่กำลังจบ และเตรียมตัวนับศพได้เลยนะจะบอกให้