บลจ.กรุงศรี คลอดกอง KFFAI3M20ชูผลตอบแทน 2% ขายถึง 9 พ.ค. 59
บลจ.กรุงศรี คลอดกองทุน KFFAI3M20 ชูผลตอบแทน 2% ขายถึง 9 พ.ค. 59
น.ส.ศิริพร สินาเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกรุงศรี หรือ บลจ.กรุงศรี เปิดเผยว่า “บริษัทเปิดเสนอขายกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ3M20 (KFFAI3M20) อายุประมาณ 3 เดือน ความเสี่ยงกองทุนระดับ 4 มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศหรือเงินฝาก ได้แก่ เงินฝากธนาคาร First Gulf Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% เงินฝากธนาคาร Abu Dhabi Commercial Bank (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร ธ.Yapi Ve Kredi Bankasi (ประเทศตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% ตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร ธ.Turkiye Vakiflar Bankasi (ประเทศตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20% และตราสารหนี้ EMTN ออกโดยธนาคาร ธ.Turkiye Isbank Bankasi (ประเทศตุรกี) สัดส่วนการลงทุน 20%
ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนเต็มจำนวน โดยนักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนจาก การขายคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติประมาณ 2% ต่อปี (ประมาณการค่าใช้จ่ายของกองทุนที่ 0.12%ต่อปีของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ) และหลังครบกำหนดอายุโครงการบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติและสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยังกองทุนเปิดกรุงศรีตราสารเงิน (KFCASH) ซึ่งเป็นกองทุนรวมตลาดเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้รับผลตอบแทนที่ดีจากการลงทุนต่อไป”
“กองทุนเปิดกรุงศรีตราสารหนี้ต่างประเทศเอไอ3M20 (KFFAI3M20) เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุนในตราสารหนี้ เหมาะกับนักลงทุนที่มิใช่รายย่อยและผู้ที่มีเงินลงทุนสูง ที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากและสามารถลงทุนได้เป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน”
สำหรับภาวะตลาดตราสารหนี้โลกนั้น ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาบอสตัน ซึ่งมีสิทธิลงคะแนนเสียงในการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินในปีนี้ ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีความแข็งแกร่งมากกว่าที่ตลาดการเงินสะท้อนอยู่มาก และมีมุมมองว่าการขึ้นดอกเบี้ยช้าเกินไปดังที่ตลาดคาดจะส่งผลให้เกิดภาวะร้อนแรงเกินไปซึ่งจะทำให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่เร็วขึ้น สำหรับความเชื่อมั่นผู้บริโภคของยูโรโซนปรับตัวดีขึ้นมากกว่าที่คาดในเดือน เม.ย. หลังจากที่ปรับตัวลดลงในช่วง 3 เดือนล่าสุด ด้านอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาครัฐของสหรัฐฯปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.00 – 0.11% โดยที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะยาวเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้น ในส่วนของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.00 – 0.05% โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเพิ่มขึ้นมากกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น